อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ มีชื่อเรียกตามชาวบ้านว่า น้ำตกปากรอง ตั้งอยู่ที่บ้านปากรอง ตำบลชาติตระการ อำเภอชาติตระการ ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ ๑๔๕ กิโลเมตร น้ำตกชาติตระการเป็นน้ำตกที่สวยงามมากในจังหวัดพิษณุโลก มี ๗ ชั้น แต่ละชั้นมีความงดงามต่างกันออกไป และตั้งชื่อตามนามธิดา ท้าวสามลในวรรณคดีไทยเรื่องสังข์ทอง โดยเฉพาะชั้นที่ ๓ และ ๔ น้ำตกจากหน้าผา สูงประมาณ ๑๐ เมตร แผ่เป็นฝอยกระจายทั่ว ชั้นที่เป็นแอ่งใหญ่ที่สุดคือ ชั้นที่ ๑ ระยะทางเดินจากชั้นที่ ๑ ถึงชั้นที่ ๗ ประมาณ ๑,๒๒๐ เมตร นอกจากนี้ในบริเวณอุทยาน แห่งชาติน้ำตกชาติตระการยังมีสถานที่น่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่
ผาแดง มีลักษณะเป็นหน้าผาชันมีหินทรายสีแดง อยู่ถัดจากน้ำตกชาติตระการชั้นที่ ๔ ไปทางขวามือ เส้นทางนี้ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง
น้ำตกนาจาน มีทั้งหมด ๗ ชั้น ชั้นที่ ๑ มีลักษณะไหลเอื่อยไม่ค่อยสูงนัก มีหินสวยงามแต่ค่อนข้างลื่น ชั้นที่ ๒ มีลักษณะสวยงามมากแห่งหนึ่ง สูงประมาณ ๒-๓ เมตร เส้นทางนี้ยังไม่ได้เปิดเป็นทางการ ชั้นที่ ๓ มีความงามเป็นพิเศษน้ำตกไหลลดลงมาพร้อมกันทีเดียวถึง ๓ ทาง สูงประมาณ ๕-๖ เมตร ยาวประมาณ ๑๕-๒๐ เมตร ชั้นที่ ๔-๗ เป็นน้ำตกต่อเนื่อง สวยงามมาก มีความสูงประมาณ ๓๐ เมตร เป็นเส้นทางเดินเท้าประมาณ ๓ กิโลเมตร ควรออกจากที่ทำการก่อนเวลา ๐๘.๐๐ น.
ผากระดาน อยู่ห่างจากที่ทำการฯ ประมาณ ๓ กิโลเมตร ซึ่งเป็นภาพแกะสลักของมนุษย์หินยุคโบราณ ลักษณะเป็นรูปทรงเหมือนเรขาคณิต สร้างความตื่นตาตื่นใจได้มาก
ถ้ำน้ำมุด เป็นถ้ำที่เกิดจากน้ำตกนาจานชั้นข้างบน แยกออกเป็น ๓ สาย เป็นระยะทางประมาณ ๒๐๐-๒๕๐ เมตร มีสายน้ำไหลผ่านภายในถ้ำ มีความสวยงามแปลกตา
ถ้ำกา มีร่องรอยของมนุษย์ยุคโบราณ ที่ได้แกะสลักไว้บนแผ่นหิน ขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่ามีอายุมากกว่า ๗,๐๐๐ ปี
การเดินทาง ไปน้ำตกชาติตระการนั้น หากเดินทางโดยรถยนต์ ส่วนตัวใช้เส้นทางสายพิษณุโลก-หล่มสัก เมื่อถึงกิโลเมตรที่ ๖๘ (บ้านแยง) เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข ๒๐๑๓ ซึ่งเป็นทางสู่อำเภอนครไทยประมาณ ๒๙ กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข ๑๑๔๓ เข้าสู่อำเภอชาติตระการไปอีกประมาณ ๓๘ กิโลเมตร มีทางแยกขวาอีก ๙ กิโลเมตรจะถึงน้ำตก หากเดินทางโดยรถประจำทางขึ้นรถสายพิษณุโลก-ชาติตระการที่สถานขนส่งพิษณุโลก รถออกวันละ ๗ เที่ยว ตั้งแต่เวลา ๐๖.๓๐-๑๗.๐๐ น. เมื่อถึงอำเภอชาติตระการแล้วต่อรถสองแถวชาติตระการ-บ้านนา ดอนเข้าไปยังน้ำตก
ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก อุทยานฯ มีบ้านพักบริการนักท่องเที่ยว และสามารถนำเต็นท์มาเองได้ติดต่อ โทร. ๐ ๕๕๒๓ ๗๐๒๘, ๐๘ ๑๙๔๕ ๘๐๒๓ หรือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เขตบางเขน กรุงเทพฯ โทร. ๐ ๒๕๖๒ ๐๗๖๐ www.dnp.go.th
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ครอบคลุมพื้นที่อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงตามแนวชายแดนไทย-ลาว บริเวณที่สูงที่สุดคือ ยอดภูสอยดาว สูงถึง ๒,๑๐๒ เมตร อากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี สภาพป่าส่วนใหญ่ยังอุดมสมบูรณ์ มีทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ ในพื้นที่ที่เคยเป็นที่ทำกินของชาวเขาเผ่าม้ง แหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ ได้แก่ ป่าสน ทุ่งดอกไม้ หน้าผา จุดชมวิว น้ำตกสายทิพย์ และน้ำตกภูสอยดาว พื้นที่ป่าสนสามใบ เหมาะแก่การมาเที่ยวชมในเดือนสิงหาคม-กันยายน เนื่องจากจะพบเห็นทะเลหมอกและดอกไม้ต่าง ๆ โดยเฉพาะดอกหงอนนาคขึ้นอยู่ทั่วไป และกล้วยไม้ป่าตามคาคบไม้ใหญ่ ระยะทางเดินทางจากเชิงเขา ๖.๕ กิโลเมตร บางช่วงเป็นเส้นทางชัน ใช้เวลาประมาณ ๔-๕ ชั่วโมง ติดต่อลูกหาบได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีสถานที่กางเต็นท์และห้องสุขาบริการ
การเดินทาง ใช้เส้นทางพิษณุโลก-อำเภอวัดโบสถ์-บ้านโป่งแค-อำเภอชาติตระการ-ภูสอยดาว ระยะทาง ๑๗๗ กิโลเมตร หรือ ใช้เส้นทางพิษณุโลก-บ้านแยง-อำเภอนครไทย-อำเภอชาติตระการ- ภูสอยดาว ระยะทางรวม ๑๕๔ กิโลเมตร
รถโดยสาร/รถไฟ
๑. เดินทางโดยรถไฟหรือรถโดยสารจากกรุงเทพฯ ไปพิษณุโลก แล้วต่อรถโดยสารไปอำเภอชาติตระการ และโดยสารรถสองแถว สายชาติตระการ-บ้านร่มเกล้า รถออกทุกชั่วโมง ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น. จากนั้นต้องจ้างเหมารถจากบ้านร่มเกล้าไปยัง อุทยานฯ หรือเช่าเหมาจากอำเภอชาติตระการไปยังอุทยานฯ เลยก็ได้
๒. เดินทางโดยรถไฟหรือรถโดยสารจาก กรุงเทพฯ ไปอุตรดิตถ์ ต่อรถโดยสารที่ตลาดต้นโพธิ์หรือหอนาฬิกาไปอำเภอน้ำปาด ใช้เวลา ๒ ชั่วโมงครึ่ง ลงรถที่หน้าโรงพยาบาลอำเภอน้ำปาด และเหมารถสองแถวไปภูสอยดาว ใช้เวลาเดินทางอีก ๓ ชั่วโมง เส้นทางนี้คดโค้งผ่านภูเขา
ที่พัก มีบ้านพักรับรอง ๓ หลัง รายละเอียดติดต่ออุทยานแห่งชาติ ภูสอยดาว ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ๕๓๑๑๐ โทร. ๐ ๕๕๔๓ ๖๐๐๑-๒ หรือกรมอุทยานแห่งชาติฯ โทร. ๐ ๒๕๖๒ ๐๗๖๐ www.dnp.go.th การพักค้างแรมบนลานสน ต้องนำเต็นท์มาเอง
ศูนย์รวมพรรณไม้บ้านร่มเกล้า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งศูนย์รวมพรรณไม้บ้านร่มเกล้าขึ้นในพื้นที่ส่วนปลายของเทือกเขาภูสอยดาวโดยได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการสำรวจพื้นที่สภาพแวดล้อมทางกายภาพทั้งภูมิประเทศ ดิน ภูมิอากาศ และชนิดพืชพรรณ เพื่อจัดตั้งให้เป็นศูนย์รวมพรรณไม้บ้านร่มเกล้าในพระราชดำริตามแผนงานขององค์การสวนพฤกษศาสตร์ โดยมีพระราชประสงค์เพื่อส่งเสริมความมั่นคงภายในประเทศ เป็นการอนุรักษ์ป่าที่สมบูรณ์ไว้เพื่อเป็นป่าต้นน้ำลำธาร และสนับสนุนราษฎรบ้านร่มเกล้าและหมู่บ้านข้างเคียงให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และให้มีรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งได้พัฒนาสถานที่ดังกล่าว ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดพิษณุโลกและประเทศชาติต่อไป ปัจจุบันศูนย์รวมพรรณไม้บ้านร่มเกล้าในพระราชดำริ ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณแนวสันเขาส่วนปลายของเทือกเขาภูสอยดาว อยู่ในเขต อ.ชาติตระการ มีความสูงจากระดับน้ำ ทะเล ๗๕๐-๑,๒๘๐ เมตร และมีเนื้อที่ ๑,๓๘๕ ไร่ เป็นสาขาสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จังหวัดเชียงใหม่ ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมพรรณไม้ภาคเหนือตอนล่างและศูนย์อนุรักษ์พรรณพืชประจำถิ่น โดยเฉพาะพืชเขตอนุภูมิภาคอินโดจีน (Indo-Chinese Sub-Region) นอกจากนี้ศูนย์รวมพรรณไม้บ้านร่มเกล้าฯ ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อการเรียนรู้และเป็นสถานที่พักผ่อน ท่ามกลางธรรมชาติขุนเขา และมวลพฤกษานานาพันธุ์ มีสถานที่กางเต็นท์ จุดดูนก ค่ายพักแรม และจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มีการจัดแสดงพรรณไม้ประจำถิ่น ไม้หายาก และใกล้สูญพันธุ์ มีโรงเรือนรวบรวมกล้วยไม้ไทยที่รวบรวมสายพันธุ์กล้วยไม้ไทยที่หาชมได้ยากยิ่ง มีสวนจัดแสดงไม้หัว เช่น กระเจียว เปราะ และยังมีการรวบรวมพันธุ์กุหลาบ กุหลาบพันปี พืชผัก สมุนไพรพื้นบ้าน พืชที่ใช้ใน ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีกด้วย ซึ่งศูนย์รวมพรรณไม้บ้านร่มเกล้าฯ อยู่ห่างจากตัวอำเภอชาติตระการ ประมาณ ๘๐ กิโลเมตร ติดต่อสอบถามได้ที่ นายดนัย สรรพศรี หัวหน้าศูนย์รวมพรรณไม้บ้านร่มเกล้าฯ โทร. ๐ ๕๕๓๑ ๖๗๑๓-๕, ๐๘ ๑๖๐๒ ๐๖๙๕ E-mail: [email protected]