พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ตั้งอยู่เลขที่ ๙๙/๙ หมู่ ๑ ตำบลบางเมืองใหม่ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างจากแรงบันดาลใจ ความคิดและจินตนาการของ คุณเล็ก วิริยะพันธุ์ ผู้สร้างเมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ และปราสาทสัจธรรม เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อให้เป็นสถานที่เก็บรักษาศิลปวัตถุ มรดกทางวัฒนธรรมด้านต่าง ๆ และเพื่อสืบสานอนุรักษ์งานศิลป์ไทยให้คงอยู่สืบชั่วลูกชั่วหลานสืบไป ช้างเอราวัณหรือช้างสามเศียร เป็นประติมากรรมลอยตัวที่ใช้เทคนิคการเคาะโลหะขึ้นรูปด้วยมือเป็นแห่งแรกในโลก ทำจาก โลหะทองแดงนับแสนชิ้นแผ่นเล็กสุดขนาดเท่าฝ่ามือนำมาย่างไฟให้อ่อนตัว แล้วเคาะเรียงต่อกันด้วยความประณีต ตัวช้างรวมอาคารมีความสูง ๔๓.๖๐ เมตร (หรือสูงขนาดตึก ๑๔-๑๗ ชั้นโดยประมาณ) อาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณแบ่งออกเป็น ๒ ส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนบนของตัวช้างและส่วนล่างของตัวช้าง ส่วนบนของตัวช้าง เฉพาะส่วนหัวมีน้ำหนักประมาณ ๑๐๐ ตัน ลำตัวช้างหนัก ๑๕๐ ตัน สูง ๒๙ เมตร กว้าง ๑๒ เมตรและยาว ๓๙ เมตร ท้องช้างหรือชั้นสวรรค์ ปูด้วยไม้มะเกลือสีออกดำ ออกแบบให้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุมีค่า เช่น ภาพเขียนสีฝุ่นรูปสุริยจักรวาล โบราณวัตถุของ คุณเล็ก วิริยะพันธุ์ ส่วนล่างของตัวช้าง เป็นฐานประกอบด้วยอาคารศาลามีความสูง ๑๔.๖๐ เมตร โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก กระจายน้ำหนักตัวช้างด้วยคานวงแหวนรอบนอกและรอบในบนอาคาร ถ่ายน้ำหนักลงเสาแปดเสาภายนอกและสี่เสาภายในอาคารศาลา ภายในอาคารหรือชั้นโลกจัดแสดงโบราณวัตถุ มีซุ้มพระเกตุ บันไดเงินบันไดทอง เพดานเป็นกระจกสี มีรูปแผนที่โบราณ การตกแต่งภายในเป็นการผสมผสานศิลปะหลากหลายรูปแบบ เช่น การใช้กระจกสีแบบศิลปะตะวันตก, เครื่องเบญจรงค์สลับลวดลายสอดสี, การดุนโลหะบนแผ่นดีบุกของช่างเมืองนครศรีธรรมราช และรูปปั้นโบราณชนิดต่างๆ อาทิ คนธรรพ์บรรเลงดนตรี รูปพญานาค ของช่างเมืองเพชร ส่วนชั้นใต้ดินที่เรียกว่า “ชั้นบาดาล” เป็นที่จัดแสดงนิทรรศการและโบราณวัตถุจำนวนมาก อาทิ พระพุทธรูป เทวรูปสมัยต่างๆ และเครื่องลายครามของจีน ระเบียงรอบนอกตัวอาคารประกอบด้วยซุ้มแปดซุ้ม รอบพิพิธภัณฑ์เป็นอุทยานพรรณไม้ในวรรณคดี และพันธุ์ไม้หายากจากทุกภูมิภาคของประเทศ มีงานประติมากรรมลอยตัวเรื่อง รามเกียรติ์ วางเรียงรายล้อมรอบอาคาร พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา ๐๘.๐๐-๑๘.๐๐ น. (รอบชมสุดท้าย ๑๗.๐๐ น.) ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ ๑๕๐ บาท เด็ก ๕๐ บาท สอบถามรายละเอียดโทร. ๐ ๒๓๗๑ ๓๑๓๕-๖ โทรสาร. ๐ ๒๓๘๐ ๐๓๐๔ หรือ www.erawan-museum.com
การเดินทาง พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ผ่านแยกบางพลี ก่อนถึงแยกปากน้ำ ตั้งอยู่ซ้ายมือ รถโดยสารประจำทาง ธรรมดา ขสมก. สาย ๒๕ และรถโดยสารปรับอากาศสาย ๑๐๒, ๑๔๒, ๕๐๗, ๕๐๘, ๕๑๑, ๕๓๖
พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ ตั้งอยู่ถนนสุขุมวิท ตำบลปากน้ำ ตรงข้ามกับโรงเรียนนายเรือ จากแยกบางนาไปสำโรงประมาณ ๑๐ กิโลเมตร ภายในพิพิธภัณฑ์เป็นที่รวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับกองทัพเรือไทย อาวุธยุทโธปกรณ์ อุปกรณ์ทุกประเภทที่ใช้ในกิจการกองทัพเรือ เรือรบจำลองของไทยตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน เรือดำน้ำรุ่นแรกและรุ่นเดียวของราชนาวีไทย และยุทธนาวีครั้งสำคัญ ๆ แบ่งเป็น ๒ อาคาร คือ อาคาร ๑ จัดเป็นห้องเทิดพระเกียรติพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์พระบิดาของทหารเรือไทย และห้องจัดแสดงเครื่องแบบต่างๆ ของทหารเรือไทย อาคาร ๒ ชั้นล่างจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ชั้น ๒ จัดแสดงเกี่ยวกับเรือพระราชพิธี ชั้น ๓ เป็นการจัดแสดงนิทรรศการพิเศษ หมุนเวียนตามช่วงเวลาและเหตุการณ์สำคัญ เช่น ยุทธนาวีที่เกาะช้าง สงครามเอเชียมหาบูรพา วีรกรรมที่ดอนน้อย เรือดำน้ำแห่งราชนาวี และการปฏิบัติการของทหารนาวิกโยธิน เป็นต้น เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐-๑๕.๓๐ น. สอบถามรายละเอียด โทร. ๐ ๒๓๙๔ ๑๙๙๗, ๐ ๒๔๗๕ ๓๘๐๘
ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ ตั้งอยู่ถนนท้ายบ้าน ตำบลท้ายบ้าน ห่างจากตัวเมืองประมาณ ๔ กิโลเมตร หรือสามารถเข้าทางถนนสุขุมวิท (สายเก่า) เทศบาลบางปูซอย ๔๖ ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๓ ปัจจุบันเป็นฟาร์มจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในเป็นสถานเพาะเลี้ยงจระเข้ขนาดต่างๆ กว่า ๖๐,๐๐๐ ตัว มีการแสดงโชว์จระเข้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น. ทุกๆ ๑ ชั่วโมง (พักเที่ยง) วันหยุดเพิ่มรอบ ๑๒.๐๐ น. และ ๑๗.๐๐ น. เวลาการให้อาหารจระเข้ ๑๖.๓๐-๑๗.๓๐ น. นอกจากนี้ยังมีการแสดงของช้างแสนรู้ ซึ่งเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอันมาก โดยมีการแสดงทุก ๑ ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เวลา ๐๙.๓๐- ๑๖.๓๐ น. ทุกวัน นอกจากการเลี้ยงจระเข้แล้ว ภายในฟาร์มยังมีสัตว์อื่นๆ อีก เช่น เสือ ลิงชิมแปนซี ชะนี เต่า งู นก อูฐ ฮิปโปโปเตมัส กวาง และปลาจำนวนมาก นอกจากนี้ยังสามารถเข้าชม พิพิธภัณฑ์ไดโนเสำร์ ซึ่งจัดแสดงกระดูกและหุ่นจำลองไดโนเสาร์ พร้อมการฉายสไลด์มัลติวิชั่น เรื่องของมนุษย์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ด้วย ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการแห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา ๐๗.๐๐-๑๘.๐๐ น. ค่าบัตรผ่านประตูชาวไทย ผู้ใหญ่ ๖๐ บาท เด็ก ๓๐ บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ ๓๐๐ บาท เด็ก ๒๐๐ บาท การเข้าชมเป็นหมู่คณะหรือสถาบันการศึกษาที่ต้องการวิทยากร ควรมีหนังสือติดต่อล่วงหน้าไปที่ ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ เลขที่ ๕๕๕ หมู่ ๗ ถนนท้ายบ้าน อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ๑๐๒๘๐ โทร. ๐ ๒๗๐๓ ๔๘๙๑, ๐ ๒๗๐๓ ๕๑๔๔-๘
การเดินทาง ไปยังฟาร์มฯ นอกจากรถส่วนตัวแล้ว รถโดยสารประจำทาง ปรับอากาศสาย ๕๓๖ (ฟาร์มจระเข้-อนุสาวรีย์ชัย), ๕๕๓ (สุวรรณภูมิ-ฟาร์มจระเข้), ๑๔๒, ๕๐๘ ลงที่ฟาร์มจระเข้เลย หรือ รถโดยสารประจำทางปรับอากาศ สาย ๕๐๗, ๕๑๑ หรือ รถโดยสารประจำทางธรรมดาสาย ๒๕ และ ๑๐๒ ลงที่ตัวเมืองสมุทรปราการ แล้วต่อรถสองแถวปากน้ำ-ฟาร์มจระเข้ ที่ป้ายศาลหลักเมือง หรือ สาย ๕๓๖, ๕๕๓, ๑๔๒, ๕๐๘ ลงหน้าฟาร์มจระเข้เลย
เมืองโบราณ ตั้งอยู่ในเขตตำบลบางปูใหม่ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ ๓๓ ถนนสุขุมวิท(สายเก่า) ห่างจากตัวจังหวัด ๘ กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รวบรวมสถานที่สำคัญๆ ๑๑๖ แห่ง ทั่วประเทศไทย มีพื้นที่ประมาณ ๖๐๐ ไร่ เริ่มก่อสร้างเมื่อปลายปีพ.ศ.๒๕๐๖ ปูชนียสถานที่สำคัญๆ เช่น พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท เขาพระวิหาร ปราสาทหินพนมรุ้ง วิหารวัดมหาธาตุ จ.สุโขทัย พระพุทธบาทสระบุรี พระบรมธาตุเมืองนคร พระบรมธาตุไชยา พระธาตุพนม ฯลฯ โดยสร้างให้มีขนาดเท่าแบบจริงหรือเล็กกว่า บางแห่งใช้องค์ความรู้สร้างขึ้นใหม่ เช่น พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ศาลาขงเบ้ง กวนเกษียรสมุทร การสร้างฝีมือประณีตงดงาม นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งรวบรวมศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านที่นับวันจะสูญหายไปจากสังคมยุคใหม่ มีตลาดโบราณ จำหน่ายอาหาร ก๋วยเตี๋ยวเรือ และเครื่องดื่มต่างๆ ผู้ที่ต้องการศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของประเทศไทยจะศึกษาได้จากเมืองโบราณแห่งนี้ เมืองโบราณเปิดให้เข้าชมทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐-๑๗.๐๐ น. อัตราค่าบัตรผ่านประตูชาวไทย ผู้ใหญ่ ๒๐๐ บาท เด็ก ๑๐๐ บาท อายุต่ำกว่า ๕ ปีไม่เสียค่าเข้าชม ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ ๓๕๐ บาท เด็ก ๑๕๐ บาท (ราคาบัตรรวมค่ารถรางและรถจักรยาน รถรางนำชมมีรอบ ๐๘.๐๐ น., ๑๐.๐๐ น., ๑๓.๐๐ น., ๑๕.๐๐ น.) ค่านำรถยนต์เข้าชมคันละ ๑๐๐ บาท (วันจันทร์-ศุกร์ ไม่ให้นำรถเข้า) มีรถกอล์ฟบริการหลายขนาด (นั่งได้ ๒ คน ราคา ๑๐๐ บาท, ๔ คน ๒๐๐ บาท, ๖ คน ๓๐๐ บาท ราคาต่อ ๑ ชั่วโมง) สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท เมืองโบราณ จำกัด ตำบลบางปู กิโลเมตรที่ ๓๓ โทร. ๐ ๒๓๒๓ ๙๒๕๓, ๐ ๒๗๐๙ ๑๖๔๔-๕www.ancientcity.com
การเดินทาง รถยนต์ ไปตามถนนสายสำโรง-สมุทรปราการ ถึงสามแยกสมุทรปราการให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิทสายเก่า (ไปทางบางปู) ประมาณกิโลเมตรที่ ๓๓ ห่างจากปากทางประมาณ ๘ กิโลเมตร เมืองโบราณจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ หรือ นั่งรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ สาย ๑๐๒, ๑๔๒, ๕๑๑, ๕๓๖, ๕๐๗, ๕๐๘ ไปลงที่ตัวเมือง สมุทรปราการ แล้วต่อรถเมล์เล็กสาย ๓๖ ผ่านหน้าทางเข้าเมืองโบราณ
วัดกลางวรวิหาร ตั้งอยู่ถนนศรีสมุทร ตำบลปากน้ำ ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นโท เป็นวัดสมัยอยุธยาตอนปลาย เดิมชื่อ วัดตะโกทอง พระอุโบสถได้รับการปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ ๓ หน้าบันมีลายปูนปั้นประดับเครื่องลายคราม ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องปฐมสมโพธิกถา ต่อมาเมื่อพ.ศ.๒๔๔๙ มีการสร้างพระมณฑปประดิษฐานพระพุทธบาท ๔ รอย หน้าบันมีลายปูนปั้นเครื่องแถวประดับด้วยถ้วยจานเบญจรงค์ ยอดสุดแต่ละมุมมีปูนปั้นหน้าของท้าวจตุโลกบาล ตามเค้าโครงเรื่องไตรภูมิพระร่วง เบื้อง บนของผนังภายในซุ้มมีพระพุทธรูปขนาดย่อมโดยรอบ ศาลาการเปรียญลักษณะเป็นเรือนไทยแบบเรือนหมู่ไม้สักทั้งหลัง หน้าบันมีลวดลายไม้สลักละเอียดอ่อนสวยงามควรค่าแก่การอนุรักษ์อย่างยิ่ง
การเดินทาง จากสามแยกสมุทรปราการตรงไปตามถนนประโคนชัย (เข้าตลาดปากน้ำ) จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายไปทางถนนศรีสมุทรจะพบวัดอยู่ในสุดของถนน สามารถใช้บริการรถโดยสารประจำทางปรับอากาศสาย ๒๕, ๑๐๒, ๑๔๒, ๑๔๕, ๕๐๗, ๕๐๘ และ ๕๑๑ หรือ รถโดยสารประจำทางธรรมดา สาย ๒๕, ๑๐๒ และ ๑๔๕
วัดอโศการาม ตั้งอยู่เทศบาลบางปู ซอย ๖๐ ถนนสุขุมวิทสายเก่า ตำบล ท้ายบ้าน ห่างจากตัวเมือง ๖ กิโลเมตร (เข้ามาจากถนนสุขุมวิทประมาณ ๑ กิโลเมตร) สร้างเมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๐๕ ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย โดยพระสุทธิธรรมรังสีคัมภีร์เมธาจารย์ (พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร) เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่ง และเป็นสถานที่สำหรับวิปัสสนากรรมฐาน มีสิ่งที่น่าชม เช่น พระธุตังคเจดีย์ เป็นพระเจดีย์หมู่รวม ๑๓ องค์ แต่ละองค์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เป็นที่ระลึกถึงธุดงควัตร ๑๓ ประการ และวิหารวิสุทธิธรรมรังสี อาคารจตุรมุข ๓ ชั้นส่วนยอดเป็นมณฑปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุเช่นกัน ภายในวิหารประดิษฐานสรีระท่านอาจารย์ลี
การเดินทาง จากสามแยกสมุทรปราการเลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิทสายเก่า (ทางไปบางปู) ประมาณกิโลเมตรที่ ๓๑ ให้กลับรถแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยเทศบาลบางปู ๖๐ ประมาณ ๑ กิโลเมตร วัดอโศการามอยู่ทางซ้ายมือ สามารถใช้บริการรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ สาย ๒๕, ๑๐๒,๑๔๒, ๑๔๕, ๕๐๗, ๕๐๘, ๕๑๑ และ ๕๓๖ รถโดยสารประจำทางธรรมดา สาย ๒๕, ๑๐๒ และ ๑๔๕ ไปยังตลาดปากน้ำแล้วต่อรถสองแถวปากน้ำ-วัดตำหรุ, ปากน้ำ-นิคมอุตสาหกรรมบางปู และปากน้ำคลองด่านก็สามารถไปได้
มูลนิธิธรรมกตัญญู (เสียนหลอไต้เทียนกง) ตั้งอยู่ ๙๙๓ หมู่ ๗ ถนนสุขุมวิท ตำบลบางปูใหม่ บนพื้นที่ ๒๖.๕ ไร่ ก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๔ โดยได้นำรูปแบบของศาลมาจากมูลนิธิหนานคุณเซินไต้เทียนฟู่ของประเทศไต้หวัน สิ่งปลูกสร้างจึงมีโครงสร้างสถาปัตยกรรมแบบจีนแท้ๆ ยิ่งใหญ่อลังการ หลังคาประดับด้วยสัตว์มงคลตามความเชื่อของชาวจีนทั้งหงส์และมังกร รวมด้วยเรื่องราวทางความเชื่อ และวิถีชีวิตของชาวจีนโบราณ จากหลังคาถึงชายคาบรรจงแกะสลักไม้ลงรักปิดทองอย่างสวยงาม ภายในตัวอาคารเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จากประตูทางเข้าด้านหน้าจะเป็นห้องเทพเจ้า ๕ องค์ “อู๋ฟู่เซียนส้วย” ซึ่งประกอบด้วย ตระกูลหลี่ “หลี่ต้าเลี่ยง” ตระกูลฉือ“ฉือมุ่งเปียว” ตระกูลอู๋ “อู๋เสี้ยวควาน” ตระกูลจู “จูชู๋ยื้อ” ตระกูลฟ้าน “ฟ้านเฉินเยอะ” และยังมีเทพเจ้าอื่นๆ เป็นที่เคารพนับถือของผู้คนจำนวน มาก ทั้งเทพเฉิงหวงเหย่ (หลักเมือง), พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม), เจ้าพระขันธกุมาร (ท้าววิรุฬหก), เจ้าพระธรรมบาล (สิบแปดอรหันต์), เทพเจ้าฝูเต๋อเจิ้นเสิน (แป๊ะกง)
แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวจะต้องชมและเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกคือ สิงโตคู่ ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แกะสลักจากหินหยกเขียว นำเข้าจากประเทศจีน สิงโตคู่ตามความเชื่อของชาวจีนถือว่าเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสิริมงคล มีสง่าราศี มองดูน่าเกรงขามยิ่งใหญ่เกรียงไกร ซึ่งสิงโตคู่ที่อยู่หน้าศาลของมูลนิธิธรรมกตัญญูได้ผ่านการปลุกเสก สวดมนต์คาถาศักดิ์สิทธ์ โดยนักพรตผู้ปฏิบัติธรรมในลัทธิเต๋า มีคติความเชื่อว่า “สิงโตคู่อันศักดิ์สิทธิ์ สามารถกำจัดสิ่งชั่วร้าย ภูตผีปีศาจสิ่งอาถรรพ์ทั้งปวงได้ และเป็นวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมของจีนโบราณที่สืบทอดกันมานับพันปี” นอกจากนี้ทางมูลนิธิฯ ยังจัดงานประจำปีหลายงาน เช่น วันตรุษจีน วันหยวนเชียว งานเทกระจาดประจำปี และวันเกิดของเจ้าแต่ละองค์ เป็นต้น
มูลนิธิฯเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐-๑๗.๐๐ น. สอบถามรายละเอียด โทร. ๐ ๒๓๒๓ ๓๑๒๐-๕
วัดพิชัยสงคราม ตั้งอยู่เลขที่ ๒๙ ถนนประโคนชัย ตำบลปากน้ำ สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีพระเจดีย์องค์ใหญ่ทรงระฆัง ประดับด้วยเครื่องถ้วยชามกระเบื้อง และป้อมปราการในเขตวัด ๔ ป้อม คือ ป้อมประโคนชัย ป้อมกายสิทธิ์ ป้อมนารายณ์ปราบศึก และป้อมปราการสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๒ ปัจจุบันได้รื้อถอนหมดคงเหลือเพียงชื่อป้อมที่นำมาตั้งเป็นชื่อถนนสายสำคัญในจังหวัด สอบถามรายละเอียดโทร. ๐ ๒๓๘๙ ๒๘๙๕, ๐ ๒๓๙๕
การเดินทาง จากสามแยกสมุทรปราการไปตามถนนประโคนชัย (เข้าตลาดปากน้ำ) ประมาณ ๑๐๐ เมตร วัดอยู่ริมถนนทางด้านซ้ายมือ สามารถใช้บริการรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ สาย ๒๕, ๑๐๒, ๑๔๒, ๑๔๕, ๕๐๗, ๕๐๘ และ ๕๓๖ และรถโดยสารประจำทางธรรมดาสาย ๒๕, ๑๐๒ และ ๑๔๕
สถานตากอากาศบางปู ตั้งอยู่ในเขตตำบลบางปูใหม่ ริมถนนสุขุมวิท ห่างจากตัวเมืองประมาณ ๑๑ กิโลเมตร เป็นสถานที่ตากอากาศที่มีชื่อเสียงมาเป็นเวลานาน และเป็นสถานที่พักผ่อนของกรมพลาธิการทหารบก มีร้านอาหารและที่พักไว้บริการนักท่องเที่ยว ภายในบริเวณมีธรรมชาติอันสมบูรณ์ในพื้นที่ ๖๓๙ ไร่ มีสะพานที่ทอดตัวเหยียดยาวออกไปในทะเลตลอด ๕๐๐ เมตร ทำให้เป็นจุดดูนกและชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามแห่งหนึ่ง ในช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนพฤษภาคม จะมีนกนางนวลอพยพหนีหนาวจากแถบไซบีเรียมาพักอาศัยในบริเวณนี้ และยังมีสถานที่พักผ่อนที่ศาลาสุขใจบริการอาหารรสชาติอร่อย และทุกวันเสาร์จะมีกิจกรรมเต้นรำ และลีลาศ ตั้งแต่เวลา ๑๗.๐๐-๒๒.๐๐ น. สอบถามรายละเอียด โทร. ๐ ๒๓๒๓ ๙๙๘๓
การเดินทาง จากสามแยกสมุทรปราการเลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ประมาณกิโลเมตรที่ ๓๗ ให้กลับรถ สถานตากอากาศบางปูจะอยู่ริมถนนซ้ายมือ และรถโดยสารประจำทางปรับอากาศสาย ปอ. ๒๕, ๑๐๒, ๑๔๒, ๑๔๕, ๕๐๗, ๕๐๘ และ ๕๑๑ รถประจำทางธรรมดาสาย ๒๕, ๑๐๒ และ ๑๔๕ ไปลงตลาดปากน้ำ แล้วต่อรถเมล์เล็กสาย ๓๖, รถสองแถวปากน้ำ-วัดตำหรุ, ปากน้ำ-นิคมอุตสาหกรรมบางปู และปากน้ำ-คลองด่าน