ภาพที่คุณได้เห็นจนคุ้นตาเมื่อเดินทางมาถึงเกาะเต่าคือทุกๆ เช้านักเรียนดำน้ำชาวต่างชาติจะมารวมตัวกันอยู่ตามหน้าร้านดำน้ำต่างๆ เพื่อรอครูพาออกไปฝึกภาคสนาม ก่อนจะแบกอุปกรณ์ลงเรือที่จอดเทียบอยู่ที่อ่าวแม่หาด แล้วแยกย้ายกันไปทำกิจกรรมตั้งแต่เช้าจรดเย็น และเมื่อเรือหางยาว และเรือบริการดำน้ำต่างๆ กลับเข้าฝั่ง เราจะเห็นนักดำน้ำหอบอุปกรณ์พะรุงพะรังเดินกลับมาจากท่าเรือ ก่อนแยกย้ายเข้าที่พักของตน พักผ่อนเอาแรงเพื่อรุ่งเช้าจะได้มีกำลังลงไปในโลกใต้ทะเลอีกครั้ง
นี่คือกิจวัตรประจำวันของผู้มาเยือนเหมือนเช่นทุกๆ วันที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เกาะเต่าได้รับการยกย่องให้เป็นแหล่งดำน้ำและเรียนดำน้ำระดับโลก มีร้านดำน้ำกว่า 40 ร้าน รองรับนักดำน้ำและผู้คนจากทั่วโลก ที่อยากมาเรียนดำน้ำด้วยราคาค่าเรียนไม่แพง ร้านดำน้ำมีมาตรฐานได้รับการรับรองจากสถาบันดำน้ำสากล และยังได้สัมผัสความมหัศจรรย์ของโลกใต้ทะเล เย้ายวนให้ผู้คนจากทั่วโลกพากันหลั่งไหล มาสู่ห้องเรียนธรรมชาติแห่งนี้มากหน้าหลายตา
รวมถึงเราด้วย ที่อยากรู้ อยากเห็น อยากสัมผัสว่าวินาทีแรกที่จมลงสู่ท้องน้ำและนาทีต่อไปในโลกข้างล่างนั้นเป็นเช่นไร
เรือโดยสารแล่นออกจากปากน้ำชุมพร นอกจากบรรทุกคนจนเต็มลำ เรือยังแบกรับความฝันที่ผู้คนต่างวาดไว้ในใจเกี่ยวกับโลกใต้ทะเลสีฟ้าเจิดจ้าอยู่เบื้องหน้า เรือโดยสารเริ่มลดความเร็วเพื่อเตรียมเข้าเทียบท่าเรือบ้านแม่หาด ศูนย์กลางของเกาะ ที่ซึ่งเป็นบริเวณที่ได้พบหน้าค่าตากันครั้งแรกและร่ำลากันครั้งสุดท้าย
เราแบกเป้แหวกฝูงชนที่กำลังรุมล้อมบรรดานักท่องเที่ยวฝรั่งตรงหัวสะพาน แล้วมาพักในศาลาริมทะเล มองซ้ายมองขวาเห็นถนนเส้นหลักสองฟากแน่นเอี้ยดไปด้วยที่พัก ร้านอาหาร ป้ายโฆษณา รถแท็กซี่ ผู้คน ร้านสะดวกซื้อ รถเข็นขายโรตี ฯลฯ เป็นภาพวุ่นวาย ทว่าดูมีสีสัน และในที่สุดเราก็เจอบริษัททัวร์ดำน้ำที่เราเลือกและสมัครเรียนไว้ตั้งแต่บนฝั่ง
“เดี๋ยววันนี้เริ่มเรียนกันเลย เจอกันบ่าย 4 โมงค่ะ” พี่แป๋ม เจ้าหน้าที่ร้านดำน้ำ Koh Tao Easy Divers นัดหมายพร้อมชี้แจงรายละเอียดในการเรียนหลักสูตร Open Water Diver สำหรับนักดำน้ำมือใหม่อย่างเรา
การเรียนดำน้ำใช้เวลาราว 3-4 วัน กับค่าใช้จ่าย 8,320 บาท เพื่อแลกกับหลักสูตร PADI ของอเมริกา มีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฎิบัติซึ่งใช้ท้องทะเลเป็นห้องเรียน และเมื่อเรียนจบหลักสูตรก็จะได้บัตรดำน้ำประเภทเริ่มต้น สามารถใช้ดำน้ำลึกได้ทั่วโลก ในระดับความลึกสูงสุดที่ 18 เมตรจากผิวน้ำ
จุดดำน้ำเกาะเต่านั้นมีมากมายกว่า 30 จุดรอบเกาะเต่า สำหรับนักดำน้ำมือเก่า ทางร้านดำน้ำต่างๆ จะทำโปรแกรมดำน้ำในแต่ละวันและเขียนบอกไว้ล่วงหน้าบนกระดานหน้าร้านว่าวันรุ่งขึ้นจะไปดำกันที่ไหน โดยแบ่งเป็นภาคเข้า 2 ไดฟ์ ภาคบ่ายอีก 2 ไดฟ์ หากสนใจก็ติดต่อลงชื่อและวางมัดจำไว้ ซึ่งจุดดำน้ำที่โดดเด่นเสมอคงต้องยกให้กองชุมพร ที่มีโอกาสพบปลาใหญ่มากกว่า เพราะอยู่ห่างจากฝั่งออกไปค่อนข้างไกล แล้วยังมีขวัญใจนักดำน้ำอย่างฉลามวาฬ ซึ่งตอบสนองความใฝ่ฝันของบรรดานักดำน้ำทั้งหลายที่อยากจะว่ายน้ำเคียงคู่กันสักครั้งหนึ่งในชีวิต
ขณะครูกำลังสอนภาคทฤษฏีของการดำน้ำ สายตาเราเหม่อลอยออกไปนอกห้องเรียน สีฟ้า ของน้ำทะเลกว้างเบื้องหน้าช่างเย้ายวนใจ นึกอยากให้ถึงวันที่จะได้ลงทะเลจริงๆ เสียที
เรือบริการดำน้ำผูกทุ่นลอยลำอยู่กลางผืนน้ำสีคราม เราอยู่ในชุดเวตสูตพร้อมด้วยอุปกรณ์ดำน้ำเต็มตัว ยืนแบกถังอากาศอยู่ตรงกราบเรือ สวมตีนกบมือขวากดหน้ากากดำน้ำและเรกูเลเตอร์ มือซ้ายจับเข็มขัดถ่วงน้ำหนัก พร้อมสูดลมหายใจเฮือกใหญ่แล้วกระโดดลงสู่จุดดำน้ำ Japanese Gardens หรือ อ่าวสอง ในบริเวณเกาะนางยวน ซึ่งเปรียบเสมือนเกาะพี่น้องของเกาะเต่า
เรากับไดฟ์ลีดเดอร์ปล่อยลมออกจากเสื้อชูชีพสำหรับดำน้ำลึก หรือ BCD (Buoyancy Control Device) ตามขั้นตอนที่ได้เรียนมา ตัวเราค่อยๆ จมลงสู่เบื้องล่าง ฟองอากาศผุดลอยสวนขึ้นสู่เบื้องบน แสงแดดส่องลงมาท้องน้ำใสสะอาด ถึงตอนนี้เราได้สัมผัสถึงความรู้สึกของวินาทีแรกในโลกใต้ทะเลเรียบร้อยแล้ว
Japanese Gardens เป็นจุดดำน้ำสำหรับมือใหม่ ความลึก 15 เมตร เราเตะตีนกบตามไดฟ์ลีดเดอร์ไปสำรวจความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ตามแนวปะการัง ปลาบู่ทะเลสีเหลืองเยี่ยมหน้าออกมาจากรู หนอนดอกไม้กับหนอนฉัตรซ่อนตัวตามก้อนปะการัง ปลาการ์ตูนอินเดียนแดง แหวกว่ายไปมาอยู่ในดงหนวดพลิ้วไหวของดอกไม้ทะเล ปะการังถ้วยหลากสีสันคลี่หนวดพลิ้วดักอาหารที่ลอยมากับกระแสน้ำ และปลานกแก้วสีสวยสดพร้อมกับปลาหูข้างครีบยาวว่ายสวนไปห่างๆ อย่างไม่แยแสระหว่างที่เราลอยตัวขึ้นมาเหนือพื้นทราย
ขณะที่เรากำลังเพลินกับโลกข้างล่าง ไดฟ์ลีดเดอร์เคาะถังอากาศพร้อมส่งสัญญาณมือถามว่าเหลืออากาศในถังอยู่เท่าไหร เข็ม Pressure Gauge ชี้ไปที่ตัวเลข 60 นั่นหมายความว่า ได้เวลาที่เราต้องกลับสู่ผิวน้ำก่อนที่อากาศในถังจะหมดลง
เราค่อยๆ เตะตีนกบขึ้นไปอย่างช้าๆ พยายามไม่ให้แซงฟองอากาศที่เล็กที่สุด เพราะจะมีผลให้ปอดและหลอดเลือดขยายตัวอย่างรวดเร็วจนเป็นอันตราย หลังจากค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นจากห้วงลึก เราต้องพักน้ำที่ระดับ 5 เมตรจากผิวน้ำ เพื่อปรับสมดุลในร่างกายก่อนที่จะขึ้นเรือ
ไม่ง่ายเลยสำหรับมนุษย์ที่จะปรับตัวให้อยู่ใด้ในน้ำ ทว่าไม่ยากเกินไปสำหรับมนุษย์ที่มุ่งมั่นจะเรียนรู้
ดวงอาทิตย์ข้ามผ่านเกาะนางยวนไปอยู่อีกฟาก แสงแดดสะท้อนเห็นเส้นสายของหาดทรายแยกทะเลออกเป็นสองฝั่ง ระหว่างที่เรือบริการดำน้ำกำลังมุ่งหน้าลงไปทางทิศใต้ เราเร่งเปลี่ยนถังอากาศ เช็คอุปกรณ์ดำน้ำ และเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเรือจะถึงจุดดำน้ำ White Rock หรือกองหินขาว อันเป็นไดฟ์ไซต์ต่อไปของเราในช่วงบ่ายนี้
ไดฟ์ลีดเดอร์สรุปคร่าวๆ ถึงสภาพใต้น้ำและสิ่งที่เราอาจได้เจอ ไม่ว่าจะเป็นปลาวัว ฝูงปลาสาก เต่าทะเล จนถึงปลาบางขนิดที่เป็นเอกลักษณ์ของทะเลอ่าวไทย ซึ่งไม่พบในทะเลอันดามัน นั่นคือปลาผีเสื้อเหลืองชุมพร
เราเริ่มไต่เชือกทุ่นลงไปที่ความลึก 18 เมตร การลงตามเชือกทำให้ง่ายต่อการเคลียร์หู และไม่ต้องกังวลว่าจะลงเร็วเกินไป เรารู้สึกคล่องตัวขึ้นกว่าไดฟ์ก่อน มั่นใจพอที่จะทิ้งระยะกับไดฟ์ลีดเดอร์และช่างภาพได้บ้าง นี่อาจเป็นสิ่งที่รอคอยตั้งแต่แรก ซึ่งไม่อาจมาถึงถ้าปราศจากเวลาและความอดทน
เราแทรกตัวผ่านกองหินสีขาวโพลนขนาดใหญ่ที่ถูกประดับประดาด้วยหวีทะเล แส้ทะเล กัลปังหา แผ่กิ่งก้านเหมือนหางปลาขนาดใหญ่ ก่อนตามปลาตัวเล็กตัวน้อยไปจนถึงโพรงหินอันเป็นบ้านของปลาไหลมอเรย์ ดูเหมือนเจ้าของบ้านออกมาอ้าปากขู่ แต่จริงๆ แล้วมันกำลังหายใจอยู่เท่านั้นเอง
เราเปลี่ยนมาดำกลางๆ น้ำ เห็นฝูงปลาสาก หรือบาราคูดา นับร้อยตัวหมุนตัวม้วนเป็นวงกลม เราลอยตัวมองภาพพฤติกรรมของฝูงปลาชนิดนี้อยู่นาน แม้สีสันจะไม่งดงาม ทว่าเมื่อยู่รวมกันเยอะๆ ก็น่าสนใจไม่น้อย
เวลาใต้น้ำดูจะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว เราขึ้นมาอย่างอิ่มเอมในความงดงามที่ได้เห็นสิ่งมีชีวิตที่เราเคยเห็นจากในหนังสือ ได้พบเห็นอีกหลายชีวิตที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน และไม่สงสัยอีกต่อไปว่า ทำไมผู้คนถึงหลงไหลโลกใต้ทะเลกันจริง
ตะวันคล้อยต่ำลงทุกที เรือหลายลำทยอยพานักดำน้ำกลับสู่ฝั่ง เสียงพูดคุยในเรือบอกเล่าถึงปลาตัวนั้นตัวนี้พร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม บ่งบอกได้ว่าอย่างน้อยคนกลุ่มนี้จะไม่ทำร้ายสิ่งที่เขาชื่นชม เพราะพวกเขาต้องลงไปสู่โลกข้างล่างอีกครั้งเหมือนวันคืนทีผ่านๆมา เราก็เช่นกัน
การเดินทาง
เกาะเต่าอยู่ในเขตอำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฏร์ธานี เป็นแหล่งดำน้ำที่งดงามที่สุดในฝั่งอ่าวไทย นอกเหนือจากโลกใต้ทะเลแล้ว บนเกาะยังมีสภาพธรรมชาติที่ร่มรื่น เหมาะแก่การพักผ่อน สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั้งปี แต่ทั้งนี้ต้องเช็กสภาพอากาศก่อนเดินทางทุกครั้ง ระยะทางจากฝั่งถึงเกาะเต่าจะใกล้กว่าหากลงเรือที่จังหวัดชุมพร ซึ่งมีเรือโดยสารไปเกาะเต่าทุกวัน
บริษัทเรือเร็วลมพระยา จำกัด มีเรือออกจากท่ารเอทุ่งมะขาม หาดทรายรี จังหวัดชุมพร วันละ 2 เที่ยว เที่ยวแรก 7.00 น. เที่ยวที่สอง เวลา 13.00 น. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงครึ่ง ราคาเที่ยวละ 600 บาท นอกจากนี้ ยังมีการเดินทางแบบแพ็กเกจ กรุงเทพฯ-เกาะเต่า (ซึ่งเราขอแนะนำ) คือ ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยรถทัวร์ โดยขึ้นรถที่ถนนข้าวสาร เวลา 21.00 น. เดินทางถึงท่าเรือทุ่งมะขามตอนเช้ามืด แล้วลงเรือเที่ยวเช้าได้เลย ราคาเที่ยวละ 1,050 บาท (รวมค่ารถและค่าเรือ)
เรือโดยสารจะจอดที่ท่าเรือบ้านแม่หาด ทางด้านทิศตะวันตกของเกาะเต่า จากท่าเรือมีแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ราคาเริ่มต้นที่ 60 บาท พาไปส่งยังที่พักตามอ่าวต่างๆ ทั้งนี้ ราคาจะขึ้นอยู่กับระยะทางด้วย หากติดต่อจองที่พักล่วงหน้าไว้ก่อนจะสะดวกขึ้น โดยทางบังกะโลจะมีรถมารับถึงท่าเรือ
สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัทเรือเร็วลมพระยา จำกัด สำนักงานกรุงเทพฯ โทรศัพท์ 02 629 2569-70 สำนักงานชุมพร โทรศัพท์ 077 558 212-3 และสำนักงานเกาะเต่า โทรศัพท์ 077 456 176
หากต้องการเช่ามอเตอร์ไซค์ ควรตรวจสอบสภาพรถกับผู้ให้บริการเช่าอย่างละเอียดก่อนการเช่าทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเรียกเก็บเงินค่าเสียหายภายหลัง ราคาอยู่ที่ 250 บาท ต่อวัน บางร้านมีรถ ATV ให้เช่าด้วย
ดำน้ำลึก
การดำน้ำลึกที่เกาะเต่าสามารถทำได้โดยสะดวก บริเวณบ้านแม่หาดและหาดทรายรีมีร้านดำน้ำมากมาย เช่น ร้าน Koh Tao Easy Divers อยู่ตรงหัวสะพานท่าเรือบ้านแม่หาด มีการเรียนการสอนดำน้ำหลากหลายหลักสูตรสำหรับผู้ที่สนใจ ทุกวันจะมีทริปออกไปดำน้ำสำหรับนักดำน้ำที่มีใบอนุญาต ดดยโปรแกรมจะเปลี่ยนทุกวัน สามารถดูโปรแกรมดำน้ำได้ที่หน้าร้านทุกเย็น
สนใจเรียนดำน้ำหรือดำน้ำ ติดต่อ Koh Tao Easy Diver โทรศัพท์ 077 425 397, 081 082 0387 เว็บไซต์ www.kohtaoeasydivers.com
ขอบคุณ อสท.