ภูทับเบิก ชมไร่กะหล่ำปลีใหญ่ที่สุดของไทย จังหวัดเพชรบูรณ์
แม้ภูทับเบิกจะได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเพชรบูรณ์ แต่การไปเที่ยวชมนั้นถือว่าสะดวกสบายสุด เพราะภูทับเบิกเป็นภูเขาหัวโล้นไม่มีต้นไม้ใหญ่มากนัก แถมยังมีถนนเข้าถึงยอดดอยบนภูทับเบิกจึงเหมาะสำหรับแค้มปิ้งกางเต็นท์ชมทิวทัศน์อันสวยงาม นอกจากการเที่ยวชมวิวขุนเขา และทะเลหมอกในยามเช้าแล้ว ไฮไลท์อีกอย่างที่ไม่ควรพลาดของภูทับเบิกก็คือ การเที่ยวชมไร่กะหล่ำปลีที่ว่ากันว่าเป็นไร่กะหล่ำปลีที่มีความกว้างใหญ่ที่สุดของไทย ด้วยความกว้างใหญ่ของไร่กะหล่ำปลีในภูทับเบิกที่ว่ากันว่ามีถึงพันไร่ ตลอดเส้นทางตั้งแต่อำเภอหล่มเก่าจนถึงยอดภู จึงสามารถเห็นวิวไร่กะหล่ำกันได้ตลอดทาง เรียกได้ว่าทุกตารางนิ้วแทบไม่มีพืชพรรณไม้อื่นๆ ให้พบเห็นเลยทีเดียว โดยไร่กะหล่ำของที่นี่จะเริ่มปลูกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ใช้เวลาปลูก และเก็บเกี่วผลผลิตกันประมาณสามเดือน จากนั้นช่วงฤดูฝนก็จะเริ่มปลูกกะหล่ำปลีกันใหม่หมุนเวียนแบบนี้ไปกันตลอดทั้งปี ไร่กะหล่ำปลีบริเวณภูทับเบิกปลูกโดยชาวม้งในพื้นที่ตลอดวันในช่วงกลางวันจึงพลชาวบ้านคอยออกมาดูแลไร่ของตัวเอง และหากคุณไปเยือนในช่วงเก็บเกี่ยว คุณสามารถติดต่อของซื้อได้ในราคาพิเศษ รับรองได้ถึงความสด สะอาด ปราศจากสารพิษ หลังชมไร่กะหล่ำปลีแล้วยามเช้าก็ต้องไม่พลาดตื่นมาชมทะเลหมอกบนยอดภูทับเบิก โดยบนยอดดอยมีความสูง 1,768 เมตรจากระดับน้ำทะเลจึงสามารถชมหมอก และพระอาทิตย์ขึ้นได้อย่างสวยงาม แถมช่วงสายของวันจากบนยอดยังมองเห็นวิวไร่กะหล่ำปลี และหมู่บ้านม้งทับเบิกได้ด้วย…
เที่ยวเขาค้อ เพชรบูรณ์ สวยงามสมชื่อสวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย
เขาค้อ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเพชรบูรณ์มาช้านาน เพราะเขาค้อมีอากาศดีเย็นสบายตลอดปี อาหารก็อร่อยปลอดสารพิษ และยังโอบล้อมไปด้วยทิวทัศน์อันงดงามทั้งขุนเขา ป่าไม้ และสายหมอก เขาค้อจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่มีสายฝนโปรยปรายชุ่มฉ่ำเย็นสบาย สร้างบรรยากาศอันโรแมนติกให้เขาค้องดงามเหมือนดั่งสวิตเซอร์แลนด์ของจริงเลยทีเดียว เข้าค้อเป็นส่วนหนึ่งของทิวเขาเพชรบูรณ์มีความสูงประมาณ 1,174 เมตรจากระดับน้ำทะเล ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงมากกว่าพื้นที่ราบ ทำให้เขาค้อมีอากาศเย็นสบายตลอดปี แม้ภูมิประเทศส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาสูงแต่เขาค้อกับเที่ยวสะดวกสบายเพราะมีถนนตัดผ่านสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วดอย โดยที่เที่ยวเด่นๆ บนเขาค้อมนั้นเที่ยวไม่ยาก ขับรถเที่ยวกันได้สะดวก แถมระหว่างทางยังมีทิวทัศน์สวยๆ ของขุนเขาให้ชมกันตลอดทาง เช่น พิพิธภัณฑ์อาวุธที่ฐานอิทธิ มีภาพเล่าเรื่องการสู้รบ และยังเป็นสถานที่เก็บอาวุธหลายชนิดทั้ง ปืน รถถัง เฮลิคอปเตอร์ บังเกอร์หลบภัย…
มองสายหมอกดอยแม่จอก จังหวัดน่าน
มองสายหมอก และขุนเขาจากบ้านพักอุทยานแห่งชาติขุนสถาน ดอยแม่จอก เป็นขุนเขาที่ตั้งอยู่ในอำเภอนาน้อยของน่าน มีความสูง 1,469 เมตรจากระดับน้ำทะเล แต่สำหรับจุดเด่นของดอยแห่งนี้อยู่ที่บริเวณเชิงดอย เพราะเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติขุนสถาน ด้วยสูงในระดับพันเมตรยามเช้าบริเวณบ้านพัก และลานกางเต็นท์ในที่ทำการอุทยานแห่งชาติขุนสถานจึงสามารถชมวิวภูเขา และสายหมอกได้อย่างสวยงาม หากมาเที่ยวช่วงฝนววิวภูเขาสีเขียว และสายหมอกเบื้องหน้าก็สวยงามไม่แพ้ฤดูกาลอื่นๆ เลยทีเดียว อุทยานแห่งชาติขุนสถาน ตั้งอยู่กิโลเมตรที่ 26 บนทางหลวงหมายเลข 1216 บริเวณเชิงดอยแม่จอก ห่างจากอำเภอนาน้อย 31 กิโลเมตร และห่างจากตัวเมืองน่านประมาณ 90 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1-2 ชั่วโมง…
นาขั้นบันไดอำเภอปัว จังหวัดน่าน
ชมนาข้าวขั้นบันได พร้อมเที่ยวฟาร์มเห็ด อำเภอปัว เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดน่าน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ห่างจากตัวเมืองน่านเพียง 60 กิโลเมตร นับเป็นอำเภอที่มีบรรยากาศสุขสงบน่ามาเที่ยวไม่แพ้ตัวเมืองน่าน โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนปัวจะเขียวขจีไปด้วยทุ่งนาข้าว ซึ่งสามารถขับรถเที่ยวชมทิวทัศน์นาข้าวได้ตลอดทาง แต่หากอยากชมวิวทุ่งนาสวยๆ ก็ต้องแวะไปเที่ยวฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ ซึ่งจากฟาร์มเห็ดสามารถชมวิวทุ่งนาของปัวได้อย่างสวยงามที่สุด การเที่ยวชมทุ่งนาข้าวในอำเภอปัวสามารถเที่ยวชมได้ไม่ยาก เพราะทุ่งนาข้าวส่วนใหญ่ตั้งอยู่ริมทางหลวง จากตัวเมืองน่านใช้ทางหลวงหมายเลข 1080 มาทางอำเภอท่าวังผา จากนั้นเข้าสู่ปัวด้วยทางหลวงหมายเลข 1256 เส้นทางนี้สามารถชมวิวทุ่งนาสีเขียวกันได้ตลอดทาง สำหรับใครที่ชื่นชอบการพักผ่อนชมวิวทุ่งนาสวยๆ มาเยือนอำเภอปัวก็ต้องไม่พลาดไปพักผ่อนกันที่ บ้านพักผาเก๊าะ-น้ำกูน หรือฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ เพราะที่นี่นอกจากจะเป็นบ้านพักอันสุขสงบใกล้ชิดธรรมชาติแล้ว ด้วยลักษณะที่ตั้งอยู่บนเนินเขาจากบริเวณห้องพักจึงเป็นจุดชมวิวนาข้าวที่สวยงามที่สุดอีกแห่งของปัวด้วย หากมองออกไปจะเห็นทุ่งนาข้าวสีเขียวทอดยาวไปถึงภูเขาด้านหลัง ซึ่งเป็นนาขั้นบันไดเรียงรายเล่นระดับอยู่ตลอดแนว…
โครงการหลวงแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ชมแปลงผัก ไร่กะหล่ำ และนาข้าวขั้นบันได แม่ลาน้อยเป็นอำเภอหนึ่งทางทิศใต้ของอำเภอเมือง และอำเภอขุนยวมของจังหวัดแม่ฮ่องสอน และยังมีอาณาเขตติดกับอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ทางด้านทิศตะวันออก แม่ลาน้อยจึงเป็นอำเภอสงบเงียบที่มีทิวทัศน์สวยงามของขุนเขา และเหล่าทุ่งนาข้าวสวยๆ ไม่แพ้กับวิวทางฝั่งขุนยวม และแม่แจ่ม โดยเฉพาะคนรักการท่องเที่ยวเชิงเกษตรบริเวณแม่ลาน้อยยังเป็นที่ตั้งของโครงการหลวงแม่ลาน้อย ตลอดสองข้างทางจึงมีทิวทัศน์ของไร่กะหล่ำปลี นาข้าวขั้นบันได และแปลงผักปลอดสารพิษของชาวเขาให้ชมกันตลอดปี โครงการหลวงแม่ลาน้อย ตั้งอยู่ในเขตตำบลห้วยห้อมอำเภอแม่ลาน้อยนับเป็นอีกหนึ่งโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถจัดตั้งขึ้นมาด้วยพระราชทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อช่วยเหลือพัฒนาอาชีพให้แก่ชาวเขาในพื้นที่ ซึ่งในอดีตจะนิยมปลูกฝิ่นทำไร่เลื่อนลอยทำลายป่าไม้กันอย่างมาก โดยโครงการหลวงจึงเป็นศูนย์พัฒนาที่มีแปลงผักปลอดสารพิษ แปลงปลูกพืชผัก ปลูกผลไม้ และไร่กาแฟให้เดินเที่ยวชมหลายแห่ง นอกจากนี้ก็ยังมีแปลงปลูกพืชผักนอกศูนย์ฯ ให้ชมด้วย เช่น ไร่กะหล่ำปลี…
สะพานซูตองเป้ สะพานไม้แห่งศรัทธาของเมืองสามหมอก แม่ฮ่องสอน
สะพานซูตองเป้แห่งนี้กำลังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งใหม่ของเมืองแม่ฮ่องสอน สร้างขึ้นโดยชาวบ้านกุงไม้สักเพื่อให้พระสงฆ์ และชาวบ้านได้ใช้เป็นเส้นทางสัญจนไปมา แม้สะพานซูตองเป้จะมีระยะทางยาวเพียง 500 เมตร แต่ก็ก่อกำเนิดมาจากแรงศรัทธาของชาวบ้านจนประสบความสำเร็จสมกับชื่อ ซูตองเป้ ที่หมายถึง ความสำเร็จ สะพานซูตองเป้ ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน บริเวณบ้านกุงไม้สัก ห่างจากตัวเมืองเพียง 15 กิโลเมตรเท่านั้น คำว่า ซูตองเป้ มาจากภาษาไทยใหญ่ หมายถึง ความสำเร็จ ซึ่งตรงกับจุดเด่นของสะพานที่ชาวบ้านในท้องถิ่นช่วยกันนำเสาไม้เก่าในบ้สนคนละต้นสองต้นมาเป็นเสาหลักคอยค้ำจุนสะพาน รวมถึงยังช่วยกันลงแรงสานพื้นไม้ไผ่ที่มีความยาวถึง 500 เมตรจนสามารถเดินข้ามไปมาได้อย่างดี ซึ่งระยะเวลาการก่อสร้างสะพานใช้เวลาลงมือลงแรงก่อสร้างกันถึง 2 เดือน สะพานซูตองเป้จึงได้ชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า สะพานไม้แห่งศรัทธา…
สัมผัสช่วงเวลาโรแมนติกที่ทุ่งนาเมืองปาย แม่ฮ่องสอน
ถึงแม้อำเภอปายในวันนี้จะได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งรีสอร์ท แต่ในด้านทอวทัศน์ทางธรรมชาติรอบด้านเมืองเล็กกลางหุบเขาแห่งนี้ก็ยังคงงดงามเหมือนดั่งวันวาน สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จึงยังคงสามารถขับรถเที่ยวพร้อมกับชื่นชมทิวทัศน์ขุนเขา สายน้ำ และทุ่งนา ได้เป็นอย่างดี ช่วงฝนพรำยิ่งสวยเพราะทุ่งนาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวขจี เมื่อประกอบกับได้สายฝน และสายหมอกปายในช่วงนี้จึงโรแมนติกที่สุด เมืองปาย ห่างจากอำเภอแม่มาลัยจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 100 กิโลเมตร หากออกเดินทางแต่เช้าใช้เวลาแวะเที่ยวชมน้ำตกหมอกฟ้า โป่งเดือดป่าแป๋ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง รวมถึงระวังโค้งต่างๆ ช่วงบ่ายขับรถถึงอำเภอปายพอดี โดยก่อนเข้าสู่อำเภอปายคุณสามารถแวะเที่ยวชมสะพานประวัติศาสตร์ กองแลน และแวะชิมกาแฟอร่อยกันได้ที่ ร้านคอฟฟี่อินเลิฟ ในช่วงนี้ยังได้ชมวิวขุนเขา ทุ่งนา และแม่น้ำปายเป็นของแถมด้วย โดยตลอดสองข้างทางหากมองออกไปก็จะพบกับทิวทัศน์ทุ่งนาสีเขียวอันกว้างใหญ่ไปจนจรดขุนเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง ด้วยระยะทางที่ไกลจากตัวเมืองวิวในช่วงนี้จึงยังคงมีแต่ทิวทัศน์ธรรมชาติ ไม่มีสถาปัตยกรรมของรีสอร์ทหรูมากวนสายตามากนัก และหากเลือกพักรีสอร์ทในบริเวณนี้ยามเช้ายังจะได้ชมสายหมอกขาวพาดผ่านทุ่งนากันด้วย…
อาบน้ำแร่แจ้ซ้อน แช่น้ำแร่ แลน้ำตก จังหวัดลำปาง
อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน มีธรรมชาติเด่นในด้านน้ำ น้ำแรกคือบ่อน้ำแร่ธรรมชาติที่มีเพียงแห่งเดียวในลำปาง นอกจากจะมีบ่อน้ำพุร้อนให้ชมแล้ว ภายในยังมีห้องอาบน้ำแร่ให้ผ่อนคลายกันด้วย และถัดจากบ่อน้ำพุร้อน ในอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ก็ยังมีน้ำใสไหลเย็นจากน้ำตกแจ้ซ้อน ให้เดินเที่ยวชมกันต่อแจ้ซ้อนจึงเป็นอุทยานแห่งชาติ เพียงแห่งเดียวที่สัมผัสได้ครบทั้งแช่น้ำแร่ และน้ำตกอันงดงาม หลังจากขับรถมาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน เดินเข้ามาไม่นานก็จะพบกับบ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อนแห่งแรก ลักษณะเป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีใช้ชม 9 บ่อ แต่ละบ่อจะมีโขดหินน้อยใหญ่ตั้งกระจายอยู่รอบด้าน และมีไอน้ำลอยปกคลุมอยู่เหนือบ่อน้ำ โดยน้ำในบ่อน้ำพุร้อนจะมีอุณหภูมิประมาณ 70-80 องศาเซลเซียส สามารถต้มไข่ให้สุกได้ภายใน 15-20 นาที ภายในอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนจึงมีไข่จำหน่ายให้นักท่องเที่ยวได้ลวกไข่กินเล่นกัน สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการแช่น้ำแต่เพื่อคลายหนาว ทางอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนได้ทำห้องอาบน้ำแต่อย่างดี และนำน้ำแร่จากบ่อธรรมชาติส่งตรงถึงห้องกันด้วย โดยมีทั้งสระขนาดใหญ่ แช่แยกชาย-หญิง…
ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่
ชมสวนเกษตร สวนผลไม้โครงการหลวง ดอยอ่างขาง ด้วยสภาพอากาศเย็นสบายตลอดปี และยังเป็นที่ตั้งของสถานีเกษตรหลวง ทำให้ดอยอ่างขางกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเชียงใหม่มาช้านาน ดอยอ่างขางสามารถขับรถขึ้นมาเที่ยวได้ตลอดปี เพราะมีถนนหนทางอย่างดีถึงบนดอย แม้ในช่วงฝนพรำก็เที่ยวได้ โดยภายในสวนต่างๆ ของโครงการนี้ต่างออกใบออกดอกกันอย่างสวยงาม รวมถึงสวนผลไม้ตามฤดูกาลก็มีให้เลือกชิมกันไม่แพ้ฤดูหนาวเลยทีเดียว ดอยอ่างขางเป็นดอยสูง 1,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 162 กิโลเมตร ในอดีตเคยเป็นดอยหัวโล้นที่มีการปลูกฝิ่นกันเป็นจำนวนมาก ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพลิกฟื้นป่าดอยอ่างขางใหม่ด้วยการซื้อที่ดินจากชาวเขา จากนั้นทรงโปรดเกล้าฯ ตั้งโครงการหลวงอ่างขางขึ้นมาทดแทนเพื่อสร้างอาชีพ และรายได้ให้แก่ชาวเขาในพื้นที่ มาเที่ยวดอยอ่างขางจึงควรมาเที่ยวชมสถานีเกษตรหลวงอ่างขางเป็นแห่งแรก โดยภายในแบ่งเป็นสวนต่างๆ มากมาย เช่น โรงเรือนกุหลาบตัดดอก โรงเรือนไม้ดอกเมืองหนาว โรงเรือนรวบรวมพันธุ์ผัก…
แช่น้ำแร่ บ่อน้ำพุร้อนแม่ฝาง จังหวัดเชียงใหม่
แช่น้ำแร่ ชมน้ำพุร้อน นอนอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก มีดอยผ้าห่มปกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเด่น แต่ดอยนี้เหมาะสำหรับไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาว ส่วนช่าวฤดูฝนถนนสู่ยอดดอยจะลื่นชันอันตราย แถมบนดอยก็ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้บริการมากนักจึงไม่เหมาะแก่การไปเยือน แต่อย่างไรก็ดีในบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกก็ยังสามารถเที่ยวได้ เพราะเป็นที่ตังของบ่อน้ำพุร้อนแม่ฝาง บ่อนน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีห้องอาบน้ำแร่ให้พักผ่อนกายใจ ท่ากลางบรรยากาศการพักผ่อนอันเงียบสงบ บ่อน้ำพุร้อนแม่ฝาง ตั้งอยู่ภายในที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก เป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่เกิดจากแม็กม่าใต้เปลือกโลก เมื่อมีน้ำไหลผ่านจะทำให้บริเวณชั้นหินมีอุณหภูมิสูงขึ้นทำให้เกิดเป็นแรงดันน้ำสู่ผิวโลก หรือน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมา โดยในบริเวณบ่อน้ำพุร้อนแม่ฝางจะมีให้พบเห็นตลอดทางเดินกว่า 50 บ่อ ตั้งกระจัดกระจายเป็นบ่อเล็กบ่อใหญ่มากมาย ซึ่งทางอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกได้จัดทำเป็นเส้นทางเดินให้ชมบ่อน้ำพุร้อนกันเป็นอย่างดี และบ่อน้ำพุร้อนบางแห่งยังสามารถนำไข่มาต้มรับประทานได้ด้วย นอกจากบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติแล้วภายในบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก ยังมีห้องอาบน้ำแร่กลางแจ้ง และห้องอบไอน้ำให้บริการด้วย เพราะเชื่อกันว่าน้ำแร่จากใต้ดินจะมีแร่ธาตุต่างๆ มากมาย การแช่น้ำแร่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมจะช่วยให้ระบบโลหิตในร่างกายไหลเวียนได้ดีขึ้น มีผลดีต่อผิวหนัง…