ถ้ำ

ถ้ำพุงช้าง เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของโปรแกรมท่องเที่ยวตัวเมืองพัทลุง ภายในเป็นถ้ำที่มีสายน้ำไหลผ่านภายใน ถ้ำพุงช้างจึงเที่ยวได้ทั้งแบบเดินเท้า ล่องแพ และพายเรือแคนูซึ่งนับเป็นถ้ำเพียงแห่งเดียวที่คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศผจญภัยกว่าถ้ำใดๆ ในพังงา ถ้ำพุงช้างตั้งอยู่บริเวณใต้เขาช้างตรงกึ่งกลางภูเขาพอดีจึงได้ชื่อว่า ถ้ำพุงช้าง สำหรับการเข้าไปเที่ยวชมมีให้เลือกทั้งการเดินเท้า นั่งแพ และพายเรือแคนูเข้าไป เพราะภายในเป็นถ้ำน้ำลอดที่มีสายน้ำไหลผ่านโพรงถ้ำน้อยใหญ่มากมายเที่ยวถ้ำพุงช้างจึงได้บรรยากาศผจญภัยกว่าถ้ำอื่นๆ และยังเหมือนการเดินลอดพุงช้างขนาดใหญ่ด้วย โดยตลอดการล่องแพคุณจะได้พบกับความงดงามของหินงอกหินย้อยรูปร่างต่าง มากมาย เช่น คน ปลา และช้าง ซึ่งภายในจะมีไฟประดับอย่างสวยงามตลอดทาง นอกจากนี้ถ้ำพุงช้างยังเป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวคุณกิตติ ซึ่งเป็นค้างคาวที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก และเป็นแหล่งค้นพบแห่งที่สองของประเทศไทย กิจกรรมล่องแพ พายเรือแคนูในถ้ำพุงช้างจะใช้เวลาในการเที่ยวชมประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจบการท่องเที่ยวชมถ้ำพุงช้างบริเวณนี้ยังมีถ้ำให้เที่ยวกันอีก 4…

ถ้ำอ่าวฤาษี เที่ยวถ้ำเล็กบนหาดสวยของเกาะตะรุเตา เกาะตะรุเตา นับเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและใกล้ฝั่งที่สุดของทะเลสตูล ห่างจากท่าเรือปากบาราเพียง 22 กิโลเมตรเท่านั้น ตะรุเตาเป็นเกาะที่มีธรรมชาติอันหลากหลาย มาเที่ยวเพียงเกาะเดียวก็ได้สัมผัสครบทุกรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นชายหาด จุดชมวิว น้ำตก เดินป่า ดูนก และประวัติศาสตร์ แต่หากชอบเที่ยวถ้ำบนเกาะก็มีถ้ำให้ไปชมกัน 2 แห่ง ได้แก่ ถ้ำจระเข้ และ ถ้ำอ่าวฤาษี ถ้ำอ่าวฤาษี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะตะรุเตา จากอ่าวพันเตมะละกาต้องอาศัยการเหมาเรือหางยาวมาเที่ยวชมเท่านั้น แต่การจะเหมาเรือเพื่อไปเที่ยวอ่าวเล็กๆ แห่งนี้เพียงแห่งเดียวก็ถือว่าไม่คุ้มค่าเรือสักเท่าไหร่ หลายคนจึงนิยมเหมาเรือมาเที่ยวควบคู่กับการเที่ยวอ่าวทางฝั่งตะวันออก โดยจะแวะเที่ยวชมอ่าวแห่งนี้กันเป็นแห่งแรก ถ้ำอ่าวฤาษี…

ถ้ำเจ็ดคต พายเรือคายักล่อง 7 ถ้ำคตเคี้ยวของสตูล ถ้ำเจ็ดคต หรือ ถ้ำสัตคูหา นับเป็นถ้ำที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของสตูล ตั้งอยู่ระหว่างรอยต่ออำเภอระงู และกิ่งอำเภอมะนัง ภายในเป็นถ้ำที่มีความกว้างประมาณ 70-80 เมตร ยาวประมาณ 600 เมตร และแบ่งออกเป็น 7 คูหา ถ้ำแห่งนี้จึงได้ชื่อว่าถ้ำเจ็ดคต โดยภายในเป็นถ้ำน้ำลอดมีลำธารจากคลองมะนังไหลผ่านคูหาต่างๆ จากนั้นจะไปบรรจบกับคลองละงู ในช่วงหน้าแล้งถ้ำเจ็ดคตสามารถเดินเที่ยวได้อย่างสบายเพราะน้ำน้อย แต่ในหน้าอื่นๆ น้ำภายในถ้ำเจ็ดคตจะเยอะ ซึ่งเหมาะสำหรับการพายเรือคายักชมความงดงามของถ้ำอันน่าพิศวง ภายในคูหาทั้ง 7 ของถ้ำเจ็คคตจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป ได้แก่…

ถ้ำเขาช้างหาย ตามรอยช้างหายภายในถ้ำอันลี้ลับ อำเภอนาโยง และอำเภอปะเหลียน นับเป็นสองอำเภอที่มีพื้นที่ติดกับตัวเมืองตรัง และเทือกเขาบรรทัด ซึ่งเทือกเขาที่พาดผ่านตรัง และพัทลุง บริเวณนี้จึงเป็นแหล่งรวมสุดยอดน้ำตกของตรังไว้มากมาย ตวมถึงถ้ำเขาช้างหายที่มีความสวยงาม และเที่ยวสะดวกที่สุดของตรัง โดยวิธีมาเที่ยวชมสะดวกทั้งขับรถมาเอง และเช่ารถพร้อมคนขับมาจากตัวเมืองตรัง ถ้ำเขาช้างหาย ตั้งอยู่ในบริเวณเขาช้างหายของอำเภอนาโยง เป็นถ้ำที่มีตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่าในอดีตเมื่อขบวนช้างของเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชเดินทางมาถึงภูเขาลูกนี้ แม่ช้างเชือกหนึ่งได้เกิดเจ็บท้อง และคลอดลูกช้างจากนั้นในเวลาต่อมาลูกช้างได้เข้าไปวิ่งเล่นภายในถ้ำจนหายตัวไป ชาวบ้านจึงได้เรียกว่าถ้ำเขาช้างหายจนถึงปัจจุบัน สำหรับการเที่ยวชมถ้ำเขาช้างหายสามารถเดินเที่ยวชมเองได้อย่างสะดวกเพราะมีทางเดินระยะทาง 400 เมตร และไฟฟ้าอยู่ภายในถ้ำเขาช้างหาย โดยภายในมีโพรงถ้ำน้อยใหญ่เชื่อมต่อกันถึง 6 ห้อง ได้แก่ ถ้ำเชาช้างหาย ถ้ำเพกา ถ้ำลม…

ถ้ำพระนาง แวะเที่ยวถ้ำเล็กริมหาดแสนสวยกระบี่ หากถ้ำพระนาง เป็นหนึ่งในโปรแกรมเที่ยว 4 เกาะยอดนิยมของทะเลกระบี่โดยก่อนจะไปเที่ยวชมเกาะปอดะ เกาะทับ เกาะไก่ เกาะหม้อ (ทะเลแหวก) ทัวร์นำเที่ยวส่วนใหญ่จะต้องแวะเที่ยวหาดถ้ำพระนางเป็นแห่งแรกเสมอ เพราะเป็นอีกหนึ่งชายหาดสวยของกระบี่ที่น่ามาเที่ยวพักผ่อนเล่นน้ำ และบริเวณสุดชายหาดแห่งนี้ก็ยังมีถ้ำพระนางให้ชมกันด้วย ถ้ำพระนาง ตั้งอยู่สุดชายหาดทางด้านทิศสามารถเดินไปเที่ยวชมได้ไม่ยาก ถึงปลายหาดจะพบปากถ้ำพระนางที่มีขนาดใหญ่ขว้างใหญ่ สามารถมองเห็นภายในได้อย่างชัดเจน เมื่อเดินเข้าไปภายในจะพบศาลพระนาง เป็นศาบเก่าแก่ที่มีเรื่องเล่าพื้นบ้านสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับพญานาค และลูกสาวชาวบ้านที่ชื่อ นาง คนท้องถิ่นจึงนิยมนำศิวลึงค์มาสักการะบูชา บริเวณศาลจึงมีศิวลึงค์ขนาดน้อยใหญ่ตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก สำหรับหินงอกหินย้อยภายในถ้ำก็ยังพอมีให้เที่ยวชมอยู่บ้างเช่นกัน ทัวร์นำเที่ยวส่วนใหญ่จะให้เวลาเที่ยวพักผ่อนชมชายหาด และถ้ำพระนางประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นนั่งเรือไปเที่ยวชมเกาะต่างๆ ตามโปรแกรมกันต่อ คือ…

ถ้ำเขาเกรียบ ผจญภัยเบาๆ กับเหล่าหินงอกหินย้อยในอำเภอหลังสวน ชุมพรเป็นจังหวัดที่มีภูมิประเทศทอดยาวขนานไปกับอ่าวไทยคล้ายกับประจวบคีรีขันธ์ ตลอดแนวชายฝั่งชุมพรจึงมีชายหาดสวยให้เที่ยวพักผ่อนหลายแห่งไม่แพ้กัน แถมบางแห่งยังสวยและสงบกว่าจึงไม่แปลกที่หลายคนจะยอมเสียเวลาขับรถลงใต้มาอีกหน่อย ซึ่งนอกจากชายหาดแสนงามแล้วชุมพรเองยังอุดมไปด้วยขุนเขา และป่าไม้ จึงไม่แปลกอีกเช่นกันที่ชุมพรจะมีถ้ำสวยๆ ให้เที่ยวชมกันด้วย หนึ่งในนั้นก็คือ ถ้ำเขาเกรียบ ในอำเภอหลังสวน ถ้ำเขาเกรียบ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านควน อำเภอหลังสวน ห่างจากตัวเมืองไปทางอำเภอละแมประมาณ 80 กิโลเมตร จากจุดจอดรถเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ หากต้องการเที่ยวชมถ้ำเขาเกรียบจะต้องแจ้งกับทางวัดเสียก่อน เพื่อให้ทางวัดเปิดไฟภายในถ้ำเขาเกรียบ จากนั้นเดินขึ้นบันไดถึง 370 ขั้น ถึงจะพบปากทางเข้าถ้ำเขาเกรียบ โดยชื่อของถ้ำเขาเกรียบมาจากบริเวณถ้ำเขาเกรียบมีต้นไผ่เกรียบขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ชาวบ้านในพื้นที่จึงเรียกภูเขาลูกนี้ว่าเขาเกรียบ และนำมาเรียกชื่อถ้ำด้วย เมื่อเดินลงจากปากถ้ำเขาเกรียบคุณจะพบโพรงถ้ำขนาดใหญ่ที่มีอากาศถ่ายเทดี…

ถ้ำเสาหิน อลังกาญเสาหินปูนที่สูงที่สุดในโลก ทองผาภูมิเป็นดินแดนแห่งการผจญภัยของกาญจนบุรีมาช้านาน ใครชอบกิจกรรมลุยถ้ำปีนป่ายน้ำตกมาเยือนทองผาภูมิรับรองว่าไม่ผิดหวัง เพราะที่นี่มีให้เที่ยวชมเยอะ โดยเฉพาะภายในอุทยานแห่งชาติลำคลองงูที่มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาหินปูนจึงก่อเกิดถ้ำจำนวนมาก แต่สำหรับถ้ำที่มีความเหมาะสมสำหรับการเที่ยวชมนั้นมีอยู่ 4 แห่งเท่านั้น คือ ถ้ำใหญ่ ถ้ำนกนางแอ่น ถ้ำน้ำตก และ ถ้ำเสาหิน การไปเที่ยวถ้ำเสาหินนั้นไม่ได้ไปเที่ยวชมกันได้ง่ายๆ เพราะต้องนั่งรถออฟโรดจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวไปประมาณ 19 กิโลเมตร หลังจากลงจากรถแล้วต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 3 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางจะต้องเดินผ่านผ่าไผ่ ข้ามหลังคาถ้ำ ลงเขาชันจึงจะพบปากถ้ำเสาหิน จากนั้นภายในถ้ำคุณจะต้องลอยคอทวนกระแสน้ำ และปีนป่ายตามผนังถ้ำเข้าไปอีกหลายช่วงจึงจะพบไฮไลท์ของถ้ำคือ เสาหิน ลักษณะเป็นเสาหินปูนขนาดใหญ่กลางถ้ำมีความสูงถึง 62.5…

ถ้ำธารลอดใหญ่ อัศจรรย์สะพานหินธรรมชาติกลางป่าใหญ่ หากคุณเริ่มต้นเดินเที่ยวชมถ้ำธารลอดในอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์กันตั้งแต่เช้า นั่นหมายความว่าวันนี้คุณสามารถเที่ยวชมถ้ำสวยของอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ได้ถึง 2 แห่ง แห่งแรกคือถ้ำธารลอดน้อยเป็นถ้ำที่ตั้งอยู่ใกล้กับที่ทำการอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์มากที่สุด ภายในมีสายน้ำและหินงอกหินย้อยให้ชมอย่างงดงาม จากนั้นเดินต่อไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะพบกับถ้ำธารลอดใหญ่ ถ้ำทั้งสองแห่งใช้เวลาเที่ยวชมอย่างน้อย 4-5 ชั่วโมง จึงควรนำน้ำดื่ม และเสบียงติดตัวไปด้วย ถ้ำธารลอดใหญ่เป็นถ้ำที่มีลักษณะแตกต่างจากถ้ำธารลอดน้อย ด้านหน้าเป็นหน้าผาสูงชันส่วนตัวถ้ำเป็นช่องเขาใหญ่ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลมเป็นเวลายาวนานจนเกิดเป็นโพรงขนาดใหญ่คล้ายสะพานหิน ภายในถ้ำจึงเดินเที่ยวชมได้อย่างสะดวกไม่อึดอัดเพราะมีแสงสว่างและอากาศถ่ายเทสะดวก นอกจากนี้บริเวณถ้ำธารลอดใหญ่ยังมีร่องรอยหลักฐานว่าที่นี่เคยเป็นที่ฝังศพของมนุษย์โบราณมาก่อน เนื่องจากมีการขุดค้นพบโครงกระดูกมนุษย์เป็นจำนวนมาก หลังจบโปรแกรมเที่ยวถ้ำธารลอดใหญ่แล้ว ภายในอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ยังมีโปรแกรมน้ำตกสวยให้ไปเที่ยวชมกันต่อ ได้แก่ น้ำตกไกรตึงษ์ อยู่ห่างจากถ้ำธารลอดน้อย ประมาณ 15 กิโลเมตร…

ถ้ำธารลอด ตะลุยถ้ำน้ำลอด ชมหินงอกหินย้อยแสนสวย กาญจนบุรีมีอุทยานแห่งชาติให้เที่ยวอยู่ 3 แห่ง โดยแต่ละแห่งมีธรรมชาติอัสสวยงามให้เที่ยวชมแตกต่างกันออกไป หากอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวชมถ้ำก็ต้องมาเที่ยวอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ในอำเภอศรีสวัสดิ์ เพราะที่นี่มีถ้ำธารลอดอันน่ามหัศจรรย์ให้ไปเที่ยวชมท่ามกลางผืนป่าอันร่มรื่น ถ้ำธารลอดมีอยู่ด้วยกัน 2 ถ้ำคือ ถ้ำธารลอดน้อย และถ้ำธารลอดใหญ่ ทั้งสองแห่งตั้งอยู่บนเส้นทางเดียวกันสามารถเที่ยวชมต่อเนื่องกันได้ไม่ยาก แต่หากต้องการเที่ยวชมให้ครบทั่งสองถ้ำคุณต้องมีเวลาอย่างน้อยหนึ่งวันเต็ม เพราะเวลาในการเที่ยวชมต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ชั่วโมง หรือจะเลือกเที่ยวชมเพียงถ้ำเดียวก็ได้ไม่ว่ากัน จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ มีทางเดินผ่านสะพานไม้ข้ามห้วยไปจะพบปากถ้ำธารลอดน้อยเป็นแห่งแรก ถ้ำธารลอดน้อยมีความยาวประมาณ 300 เมตร กว้าง 10 เมตร สูง 25…

ถ้ำจอมพล ชมหินย้อยรูปอินทรธนู หลังจบโปรแกรมทัวร์ชมถ้ำเขาบินแล้ว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะนิยมแวะไปเที่ยวชมถ้ำจอมพลกันต่อ เพราะทั้งสองแห่งนับเป็นถ้ำชื่อดังของราชบุรีมาช้านาน โดยถ้ำจอมพลตั้งห่างจากถ้ำเขาบินเพียง 11 กิโลเมตร ภายในมีหินงอกหินย้อยอันสวยงามให้เดินเที่ยวชมอย่างดีไม่แพ้ถ้ำเขาบิน ถ้ำจอมพล ตั้งอยู่ในเขตอำเภอจอมบึง ภายในถ้ำจอมพลกว้างประมาณ 30 เมตร ยาวประมาณ 240 เมตร และสูง 25 เมตร มีไฟส่องสว่างตลอดทางมีหินงอกหินย้อยให้ชมมากมาย เด่นที่สุดคือบริเวณที่เรียกว่า หินย้อยผาวิจิตร ที่มีลักษณะคล้ายอินทรธนูบนบ่าของจอมพลในสมัยก่อน ซึ่งชื่อถ้ำจอมพลเป็นนามที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัขกาลที่ 5 พระราชทานนามให้เมื่อครั้งเสด็จประพาสถ้ำแห่งนี้ และตลอดทางเดินภายในถ้ำจอมพลก็ยังมีหินงอกหินย้อยที่มีชื่ออันไพเราะให้เที่ยวชมอีกมากมาย เช่น…