คลองร้อยสาย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
คลองร้อยสาย คือชื่อเรียกดินแดนเล็กๆ บริเวณปากแม่น้ำตาปี ที่เต็มไปด้วยลำคลอง สายน้อยมากมายเชื่อมต่อกันกินพื้นที่กว่า 6 ตำบล แถมสองฝั่งคลองยังอุดมสมบูรณ์ ร่มรื่นด้วยสวนมะพร้าว และป่าจากที่ขึ้นเรียงรายตลอดแนว อีกทั้งวิถีขีวิตการทำประมงพื้นบ้านของชาวบ้านในแถบนี้ยังมีความน่าสนใจ จึงได้มีการผลักดันพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน การล่องเรือท่องเที่ยวเส้นทาง คลองร้อยสาย มักเริ่มต้นโปรแกรมตั้งแต่เช้า ราว 8-9 โมง พาหนะเป็นเรือหางยาวขนาดบรรทุกประมาณ 6-8 คน พร้อมเทียบท่าริมปม่น้ำตาปี ในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ลักษณะจะเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำไหลผ่าน และบางส่วนอยู่ติดกับทะเล ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านยังคงใช้เรือเป็นพาหนะท้องถิ่นในการเดินทางสัญจร อาชีพส่วนใหญ่เป็นการทำประมงพื้นบ้าน…
ตลาดน้ำท่าคา คลองท่าคา สมุทรสงคราม
เสน่ห์อย่างหนึ่งของการมาท่องเที่ยวตลาดน้ำคือการที่ได้เข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศของวิถีชีวิตริมฝั่งคลอง ภาพของชาวบ้านที่พายเรือออกมาแลกเปลี่ยนสินค้า และค้าขายนับนักท่องเที่ยว แม้ปัจจุบันจะมีตลาดน้ำเกิดใหม่จำนวนไม่น้อย แต่จะมีสักกี่แห่งที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมได้ดีเท่ากับตลาดน้ำท่าคา ตลาดน้ำท่าคา เป็นตลาดน้ำที่อยู่ลึกเข้าไปใสสวน และยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพทำสวน ความพิเศษของตลาดน้ำแห่งนี้คือ ยังไม่มีการค้าขายเพื่อหวังผลกำไร ชาวบ้านจะพายเรือออกมาในตอนเช้าเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าเป็นส่วนใหญ่ คล้ายกับวิถีชีวิตของชาวชนบทบนฝั่ง บนเรือพายของชาวบ้านจะมีสินค้าแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่จะเป็นผัก ผลไม้ ที่ปลูกได้ในท้องถิ่น ตลอดจนเรือขายขนมจีน ข้าวแกง ก๋วยจั๊บ หอยทอด และขนมไทย นอกจากจะได้เที่ยวแล้วคุณเองยังได้อิ่มท้องกับเมนูหลากหลายในราคาย่อมเยา หลังจากเที่ยวชมตลาดน้ำในตอนเช้าแล้ว สายหน่อยคุณยังสามารถเดินเล่นต่อบนฝั่งได้อีก เพราะมีบ้านเรือนที่เปิดเป็นร้านขายของ ทั้งเครื่องจักสาน ของใช้ที่แกะสลักจากไม้ นอกจากนี้บริเวณริมฝั่งตรงข้ามกับบ้านสวนราชวงศ์ ยังเป็นศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน…
ตลาดน้ำอัมพวา คลองอัมพวา สมุทรสงคราม
ปล่อยใจให้รื่นรมย์ไปกับความงดงามของแม่น้ำแม่กลอง สายน้ำแห่งชีวิต ที่ไหลผ่านคลองอัมพวาที่มาของตลาดน้ำยามเย็นอันเลื่องชื่อ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ภาพพ่อค้าแม่ขายพายเรือนำอาหารและผลหมากรากไม้มาจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวผู้แสวงหาความแตกต่างจากการใช้ชีวิตในสังคมเมือง แสดงถึงความมั่นคงทางสังคม และความมั่งคั่งทางทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ จึงไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดริมคลอง อยู่ใกล้วัดอัมพวันเจติยาราม ทุกๆ วันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ จะคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่อยากมาท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตริมคลอง และจะคึกคักที่สุดตั้งแต่ช่วยบ่ายจนถึงช่วงค่ำ เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมไปเที่ยววัดวาอาราม เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธ์ในช่วงกลางวันกันก่อนแล้วค่อยกลับมาเที่ยวตลาดน้ำอัมพวาในภายหลัง เมื่อมาถึงคลองอัมพวาสิ่งแรกที่เราจะได้เห็น ก็คือเรือที่พ่อค้าแม่ค้าพายมาเทียบท่าเพื่อขายอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ปลาหมึกย่าง กุ้งย่าง ขนมจีน ก๋วยเตี๋ยว หอยทอด ชา-กาแฟโบราณ ขนมหวานและขนมไทยหาทานยากทั้งสองฟากฝั่ง พอขึนมาบนถนนเลียบคลองก็จะได้สนุกสนานไปกับการเดินดูของฝากจากร้านค้เก่าๆ ที่มีรูปแบบแตกต่างกันไปตามคอนเซปต์ของร้าน รวมทั้งแผงขายของที่ระลึกให้ได้แวะชมแวะซื้อกันตลอดรายทาง…
คลองโคกขาม จังหวัดสมุทรสาคร
เมื่อได้ยินชื่อพันท้ายนรสิงห์ หลายคนคงคุ้นเคยกันดีกับตำนานที่กล่าวถึงความซื่อสัตย์ ของพันท้ายนรสิงห์ นายท้ายเรือพระที่นั่งที่ต้องสิ้นชีพเพราะความคดเคี้ยว แถมเต็มไปด้วยโค้งหักศอกและกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก ทำให้เรือพระที่นั่งของพระเจ้าเสือ (สมเด็จพระสรรเพชรที่ 8 ) ครั้นเสร็จประพาสต้นไปตามลำคลอโคกขาม เกิดอุบัติเหตุขนกับกิ่งไม้ใหญ่ริมคลองทำให้โขนเรือหักตกลงในน้ำ และเพื่อรักษาความศักด์สิทธิ์ของกฎหมายบ้านเมือง พันท้ายนรสิงห์จึงกราบบังคมทูลพระเจ้าเสือให้ประหารชีวิตตามกฎมณเฑียรบาล ทั่งที่เป็นเหตุสุดวิสัย เนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยวแรงจนยากต่อการบังคับเรือจริงๆ ถึงแม้จะฝืนพระทัยแค่ไหน สุดท้ายแล้วก็จำต้องมีรับสั่งให้ประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ แล้วรับสั่งให้ทำศาลสูงเพียงตา พร้อมนำศีรษะ กับหัวเรือพระที่นั่งเอกชัย ที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นไปไว้บนศาล เพื่อเป็นเครื่องแสดงถึงความซื่อสัตย์ และจงรักภักดี หลังจากเหตุการครั้งนั้นพระเจ้าเสือจึงโปรดให้เจ้าพระยาราชสงครามเป็นแม่กองคุมไพร่พลจำนวน 3,000 คน ขุดคลองลัดตัดทางคดเคี้ยว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2248…
ตลาดน้ำวัดตะเคียน คลองบางคูเวียง นนทบุรี
คลองบางคูเวียง เป็นลำคลองเล็กๆ สายหนึ่งของตำบลบางคูเวียง ในอำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี นับเป็นพื้นที่ที่มีลำคลองไหลผ่านอยู่เป็นจำนวนมาก ตลอดสองฝั่งคลองในอำเภอบางกรวยจึงมีสวนผลไม้ของชาวบ้านตั้งอยู่หลายแห่ง โดยคลองบางคูเวียงก็นับเป็นคลองแห่งหนึ่งที่สามารถมาสัมผัสกับบรรยากาศสวยๆ สองฝั่งคลอง และผลไม้สดๆ จากสวนกันได้ยาก ซึ่งจุดท่องเที่ยวยอดนิยมก็คือ ตลาดน้ำวัดตะเคียน แหล่งพักผ่อนใกล้กรุงที่เที่ยวสนุกสะดวกทั้งทางบก และทางน้ำ ตลาดน้ำวัดตะเคียน ตั้งอยู่ภายในวัดตะเคียน เป็นตลาดน้ำริมคลองบางคูเวียงที่เปิดขึ้นมาใหม่เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในท้องถิ่นในด้านการค้าขาย เพราะตลาดน้ำบางคูเวียงของเดิมถูกน้ำท่วมสร้างความเสียงหายให้แก่ชาวบ้านเป็นจำนวนมาก ตลาดน้ำบางคูเวียงจึงถูกยกเลิกไป จากนั้นทางวัดกับชาวบ้านจึงได้มีการก่อตั้งตลาดน้ำวัดตะเยนขึ้นมาทดแทน โดยภายในบรเวณตลาดน้ำวัดตะเยนจะมีสินค้าท้องถิ่นให้เลือกชมชิมเป็นจำนวนมาก ทั้งผลไม้ ขนมหวาน และงานหัตถกรรมต่างๆ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมสินค้ากันได้ทั้งทางบก และทางน้ำที่มีเรือแจวพายมาทักทายกันตลอดวัน ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารก็จะมีให้เลือกทั้งแบบนั่งโต๊ะ และแบบนั่งพื้นสบายๆ ริมน้ำ…
ตลาดร้อยปี ตลาดคลองสวน ฉะเชิงเทรา
คลองประเวศบุรีรมย์ที่ทอดยาวจากสมุทรปราการเข้าเขตฉะเชิงเทราในอดีตชุมชนตลาดคลองสวนแห่งนี้ถือเป็นชุมชนใหญ่และเป็นท่าน้ำสำคัญ ใครที่จะไปกรุงเทพฯ สมัยนั้นยังไม่มีถนน ต้องนั่งเรือจากประตูน้ำท่าถั่ว ที่อยู่ฉะเชิงเทรา แล่นผ่านตลาดคลองสวนแห่งนี้แล้วจึงเข้าสู่ประตูน้ำตรงบริเวณวังสระปทุมในปัจจุบัน คนกรุงเทพ ไปเที่ยวง่ายมากเพราะขับรถเลยสุวรรณภูมิไปปนิดเดียวก่อนถึงตัวเมืองฉะเชิงเทราก็ได้ไปเดินปร๋อแล้ว จุดเด่นของตลาดแห่งนี้นอกจากจะได้เห็นรอยประวัติศาสตร์การเดินทางด้วยเรือเข้ากรุงเทพแล้ว ชุมชนเรือนไม้อันเก่าแก่แม้ไม่คึกคักดั่งวันวานแต่ก็หอมกลิ่นอดีตไม่น้อย ชุมชนคลองสวนนั้นมีทั้งชาวไทยจีน ไทยพุทธ มุสลิม อยู่ด้วยกันอย่างสันติสุข ตลาดคลองสวนมีร้านที่สร้างชื่อถือเป็นโลโก้คือร้านกาแฟโบราณ ทว่าเจ้าของร้านที่อายุเฉียดร้อยปีเพิ่งจะลาจากไปเมื่อต้นปี อีกร้านหนึ่งที่นิยมซื้อเป็นของฝากคือเป็ดพะโล้ นอกนั้นจะเป็นร้านขนมไทยหลายแบบ และร้านขายของเล่นโบราณ มีนิทรรศการเล่าเรื่องความเป็นมาของชุมชนแห่งนี้ในเรือนแถวกลางตลาดด้วย คลองประเวศบุรีรมย์ช่วงนี้ถือเป็นการคาบเกี่ยวสองจังหวัดคือฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ ตลาดคลองสวนอายุร้อยปีแห่งนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นตลาดสองจังหวัดก็ว่าได้ จุดเด่นน่าชมวิวคลองแห่งนี้คือบริเวณสะพานสูงสร้างข้ามคลอง สูงสมชื่อเป็นสะพานไม้แสนคลาสสิค มองเห็นทิวทัศน์ลำคลองได้กว้างไกลรอบด้าน แม้วันนี้ผักตบชวาจะมากไปนิด ใครจะเดินข้ามไปเที่ยวชมชุมชน วัดก็สามารถเดินไปได้เช่นกัน เที่ยวตลาดคลองสวนร้อยปี…
ตลาดน้ำบางพลี คลองสำโรง สมุทรปราการ
ตลาดโบราณ เสน่ห์วันวานแห่งบางพลี คลองใหญ่ใกล้กรุงแห่งนี้มีความสำคัญมาตั้งแต่อดีต เพราะเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าจากแผ่นดินสู่ทะเล ในอดีตชุมชนสองฝั่งคลองสำโรงจึงเจริญรุ่งเรืองมาก มีการสร้งบ้านเรือนจนเกิดเป็นชุมชนขนาดใหญ่สืบทอดกันมาจวบจนปัจจุบัน ซึ่งในวันนี้ก็ยังสามารถไปสัมผัสบรรยากาศบ้านเรือนเก่าแก่ และตลาดโบราณที่ยังเสมือนมีลมหายใจกันได้ที่ ตลาดน้ำบางพลี ก่อนไปเที่ยวชมตลาดน้ำบางพลีลองมาทำความรู้จักกับประวัติของคลองสำโรงกันก่อน คลองสำโรงว่ากันว่าถูกขุดเป็นคลองตั้งแต่สมัยชอมยังเรืองอำนาจระหว่าง พ.ศ. 978-1700 จากนั้นมารุ่งเรืองในสมัยรัชกาลที่ 4 เพราะเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าจากฝั่งตะวันออกสู่ทะเลอ่าวไทย ปัจจุบันคลองตั้งอยู่ในเขตตำบลสำโรง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยคลองจะไหลทอดยาวผ่าน 4 อำเภอของสมุทรปราการ และจะไปบรรจบกับแม่น้ำบางปะกง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมระยะทางยาวประมาณ 55 กิโลเมตร แม้วันนี้คลองสำโรงจะไม่รุ่งเรืองเที่ยบเท่ากับอดีต แต่ก็ยังสามารถมาสัมผัสร่องรอยของความรุ่งเรืองในอดีตได้จากการเที่ยวชมตลาดน้ำบางพลี…
ข้อดีของการท่องเที่ยวหน้าฝน
นักท่องเที่ยวหลายคนไม่นิยมออำไปท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝน เพราะเป็นช่วงฤดูกาลที่มีสายน้ำโปรยปรายทั่วประเทศ จะออกไปเที่ยวไหนถนนหนทางก็เปียกแฉะ จะนั่งเครื่องลงเรือคลื่นลมก็แรงทั้งบนฟ้า และในทะเล การเดินทางในช่วงนี้จึงต้องระมัดระวังกันเป็นพิเศษกว่าฤดูกาลอื่นๆ แต่สิ่งดีๆ ของการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเสียทีเดียว โดยช่วงนี้หากขับรถบนถนนก็จะพบทิวทัศน์อันเขียวขจี สวยงามกว่าช่วงอื่นๆ ส่วนราคาค่าตั๋วเครื่องบินก็ลดราคากันอย่างกระหน่ำ สำหรับรถโดยสาร และรถไฟก็เดินทางสะดวกสบายไม่ต้องไปแย่งซื้อตั๋วให้หงุดหงิดใจ รถยนต์ส่วนตัว เที่ยวภาคเหนือ จากกรุงเทพ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผ่านอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท อุทัยธานี นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก ลำปาง จากนั้นเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 11…
ดำน้ำดูปะการัง หมู่เกาะทะเลพม่า
ความอุดมสมบูรณ์ของหมู่เกาะทะเลพม่านั้นเป็นที่เลื่องลือกันมาช้านาน ด้วยเพราะเมียนม่าร์มีเกาะน้อยใหญ่มากมายกว่า 800 เกาะในทะเลอันดามัน ซึ่งพื้นที่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลของหมู่เกาะทะเลพม่าที่เรียกว่า Mergui Archipelago นั้น แทบจะไม่มีผู้คนอยู่อาศัยบนเกาะส่วนใหญ่จึงมีสภาพสมบูรณ์ด้วยป่าไม้เขียวขจีเป็นธรรมชาติ ในขณะที่ใต้ท้องทะเลก็ยังคงอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้เขียวขจีเป็นธรรมชาติ ในขณะที่ใต้ท้องทะเลยังคงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยฝูงปลาและสรรพชีวิต และเป็นทะเลที่มีการทำประมงน้อยเมื่อเที่ยบกับท้องทะเลบ้านเรา ซึ่งเมียนม่าร์นั้นเป็นประเทศที่ปกครองด้วยรัฐบาลทหาร กฏหมายหรือข้อบังคับจึงค่อนข้างจะเข้มงวด การลักลอบทำลายทรัพยากรหรือการบุกรุกพื้นที่เกาะแทบไม่มีให้เห็น เมื่อหมู่เกาะทะเลพม่ายังคงเป็นธรรมชาติและอุดมสมบูรณ์ จึงเป็นที่แห่งความท้าทายสำหรับการเดินทางเข้าไปสัมผัส โดยเฉพาะกิจกรรมการดำน้ำในหมู่เกาะทะเลพม่า การเข้าไปดำน้ำในเขตหมู่เกาะทะเลพม่านั้นเริ่มขึ้นเมื่อราว 20 ปีก่อนโดยมีผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำของไทย ได้เจรจาติดต่อขออนุญาตนำเรือเข้าไปดำน้ำในเขตหมู่เกาะทะเลพม่า โดยออกจากท่าเรือชายแดนจังหวัดระนอง ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของเมียนมาร์ที่เกาะสอง ซึ่งนักดำน้ำจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการดำน้ำให้กับรัฐบาลเมียนมาร์คนละ 100 ดอลลาร์สหรัฐในการเข้าไปดำแต่ละทริป และก็ปรับราคาขึ้นมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันนี้นักดำน้ำต้องจ่ายกันสูงถึงคนละ 300…
ถ้ำแก้วโกมล อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ถ้ำผลึกแคลไซต์ ดุจน้ำแข็งหนึ่งเดียวในไทย ด้วยลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่มีขุนเขาโอบล้อมอยู่มากมาย แม่ฮ่องสอนจึงมีถ้ำสวยให้เลือกเที่ยวกันเยอะ แถมแต่ละถ้ำยังมีความสวยงามแตกต่างกันออกไป คนรักความลี้ลับของการเที่ยวชมถ้ำมาเยือนที่นี่จึงสนุกที่สุด แต่สำหรับสุดยอดถ้ำที่ไม่ควรพลาดที่สุดเลยก็คือ ถ้ำแก้วโกมล ถ้ำที่มีผลึกแคลไซต์สีขาวดั่งน้ำแข็งส่องประกายแวววาว ซึ่งนับเป็นถ้ำที่มีเพียงหนึ่งเดียวในไทยด้วย การเที่ยวชมถ้ำแก้วโกมลคุณต้องนำรถยนต์ส่วนตัวมาจอดที่จุดบริการรถรับส่งนำเที่ยวถ้ำแก้วโกมล โดยจะเปิดให้เที่ยวชมเป็นรอบๆ ประมาณ 20 นาที จากลานจอดรถนั่งรถกระบะไปไม่นานก็จะถึงปากทางเข้าถ้ำแก้วโกมล ถ้ำแห่งนี้ถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2536 โดยวิศวกรเหมืองแร่ ภายในเป็นถ้ำที่มีผลึกแคลไซต์เป็นจำนวนมากในอดีตจึงได้ชื่อว่า ถ้ำผลึกแคลไซต์แม่ลาน้อย ต่อมาเมื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น ถ้ำแก้วโกมล มีความหมายว่า ถ้ำแห่งแก้วอันงาม ตามที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระตาชทานนามให้เมื่อครั้งเสด็จทอดพระเนตรเมื่อปี พ.ศ. 2544…