ภูชี้ฟ้า

ภูชี้ฟ้าได้ชื่อว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า และทะเลหมอกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในไทย ปลายปีอากาศดีลมหนาวมาเยือนดอยแห่งนี้จึงมีผู้คนมาเที่ยวชมวิวกันเป็นจำนวนมาก แต่ในความเป็นจริงช่วงฤดูฝนปลายภูชี้ฟ้าก็เที่ยวได้ และวิวสวยงามไม่แพ้กัน เพราะเม็ดฝนอันชุ่มฉ่ำได้บันดาลให้ต้นหญ้า และเหล่าพรรณไม้บนดอยแหลมเอื้อมฟ้าคว้าดาวแห่งนี้เปลี่ยนเป็นดอยสีเขียวสด และโอบล้อมไปด้วยหมอกขาวอันตระการตา แถมใกล้กันยังมีดอยผาตั้งให้ไปเที่ยวชมวิวขุนเขาอันสวยงามกันอีกแห่งด้วย ไฮไลท์ของภูชี้ฟ้าคือ การชมพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอก ฉะนั้นโปรแกรมเที่ยวภูชี้ฟ้าจึงเริ่มต้นกันตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ โดยการเดินทางไปยังยอดภูสามารถขับรถไปด้วยตัวเอง หรือใช้บริการรถรับส่งของรีสอร์ท จากนั้นจึงถึงลานจอดรถจะพบทางเดินสู่ยอดดอยเป็นทางดินระยะทางประมาณ 760 เมตร เดินส่องไฟฉายไปไม่นานก็จะพบยอดภูชี้ฟ้าตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ภูชี้ฟ้าเป็นดอยที่มีปลายแหลมชี้ขึ้นฟ้าทำมุม 45 องศา มีความสูง 1,700 เมตรจากระดับน้ำทะเล และมีที่ราบเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น ในยามเช้าบนภูชี้ฟ้าสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอก…

ภูชี้ฟ้า ทำไมต้องภูชี้ฟ้า แน่นอนว่า บรรยากาศทะเลหมอกยามรุ่งสางนั้นติดตาตรึงใจกับการยืนบนขอบฟ้าที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,428 เมตร เบื้องล่างของหน้าผาเป็นแอ่งหุบเขา ที่ตั้งหมู่บ้านเชียงตอง แขวงไชยบุรี สปป.ลาว การได้ไปยืนอยู่บนภูชีฟ้า ยังมีนัยถึงการเอาฤกษ์เอาชัยสำหรับการก้าวสู่ชีวิตใหม่ด้วยเช่นกัน เมื่อจอดรถบริเวณทางขึ้นภูชี้ฟ้า จะพบกับเด็กชาวเขาเข้ามาพูดจาไพเราะ ขอเป็นผู้นำทาง แนะนำว่าหากไปภูชี้ฟ้าครั้งแรก จำเป็นอยู่เหมือนกันที่จะต้องพึ่งพาไกด์ตัวน้อยนำเที่ยว เด็กๆ แนะนำเส้นทางเดิน พาเก็บสตอเบอรี่ป่าให้ชิม ระหว่างทางสู่ภูชี้ฟ้า พบเด็กชาวเขาแต่งตัวตามชนเผ่า เอ่ยปากพร้อมเพรียงเชิญชวนให้เราถ่ายรูป ตรงนี้ขอบอกว่าแล้วแต่จิตศรัทธา แต่ละก้าว สูดลมหายใจลึกๆ เต็มปอด กล้ามเนื้ออ่อนล้าไปบ้าง พอถึงด้านบนความโรยราเมื่อสักครู่เป็นแรงขับดันพาเราเดินไปโน่นมานี่บนภูชี้ฟ้า หามุมถ่ายภาพอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย…